การสัมภาษณ์งานเป็นขั้นตอนสำคัญที่ผู้สมัครงานทุกคนต้องเผชิญ บทความนี้จะแนะนำคำถามยอดฮิตที่มักพบในการสัมภาษณ์งาน พร้อมแนวทางการตอบเพื่อสร้างความประทับใจ1. ช่วยเล่าเกี่ยวกับตัวคุณให้เราฟังหน่อยวัตถุประสงค์: เพื่อทำความรู้จักตัวตนและประสบการณ์ของผู้สมัครแนวทางการตอบ: แนะนำตัวเองโดยย่อ เน้นประวัติการศึกษา ประสบการณ์การทำงาน และทักษะที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงาน2. ทำไมคุณถึงสนใจงานนี้?วัตถุประสงค์: เพื่อประเมินแรงจูงใจของผู้สมัครแนวทางการตอบ: พูดถึงแรงบันดาลใจและความชื่นชมต่อองค์กรและตำแหน่งงาน พร้อมระบุว่าคุณสามารถเพิ่มคุณค่าอะไรให้กับทีมได้3. คุณมีจุดแข็งอะไรบ้าง?วัตถุประสงค์: เพื่อประเมินความสามารถที่โดดเด่นของผู้สมัครแนวทางการตอบ: ระบุจุดแข็งที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่ง พร้อมอธิบายด้วยตัวอย่างที่ชัดเจน4. จุดอ่อนของคุณคืออะไร?วัตถุประสงค์: เพื่อดูว่าผู้สมัครรู้จักตัวเองดีแค่ไหนแนวทางการตอบ: เล่าจุดอ่อนที่ไม่กระทบงานมากนัก พร้อมบอกวิธีแก้ไขหรือพัฒนาตัวเอง5. ทำไมเราควรจ้างคุณ?วัตถุประสงค์: เพื่อให้ผู้สมัครแสดงคุณค่าของตัวเองแนวทางการตอบ: อธิบายว่าทำไมคุณเหมาะสมกับงาน ทั้งในด้านทักษะ ประสบการณ์ และความตั้งใจ6. คุณเคยเผชิญความล้มเหลวหรือไม่? คุณจัดการอย่างไร?วัตถุประสงค์: เพื่อดูวิธีการรับมือกับปัญหาแนวทางการตอบ: เล่าประสบการณ์ความล้มเหลว พร้อมบอกสิ่งที่คุณเรียนรู้และพัฒนาจากเหตุการณ์นั้น7. คุณมีเป้าหมายในอาชีพอย่างไร?วัตถุประสงค์: เพื่อประเมินความมุ่งมั่นในสายงานแนวทางการตอบ: บอกเป้าหมายในระยะสั้นและระยะยาวที่สอดคล้องกับตำแหน่งและองค์กร8. คุณทำงานภายใต้ความกดดันได้หรือไม่?วัตถุประสงค์: เพื่อดูความสามารถในการจัดการอารมณ์แนวทางการตอบ: ยกตัวอย่างสถานการณ์ที่คุณจัดการความกดดันได้ดี พร้อมผลลัพธ์ที่เป็นบวก9. คุณมีคำถามอะไรสำหรับเรา?วัตถุประสงค์: เพื่อดูความสนใจและการเตรียมตัวของผู้สมัครแนวทางการตอบ: เตรียมคำถามที่แสดงถึงความใส่ใจ เช่น โอกาสในการพัฒนาทักษะหรือวัฒนธรรมองค์กร10. คุณเคยทำงานเป็นทีมอย่างไร?วัตถุประสงค์: เพื่อประเมินทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่นแนวทางการตอบ: ยกตัวอย่างโครงการที่คุณทำงานเป็นทีม พร้อมบอกบทบาทและผลลัพธ์ที่สำเร็จที่มา : www.jobth.com
อ่านเพิ่มเติม
บุคคลิกภาพกับการเลือกอาชีพและการศึกษาให้เหมาะสมกับตัวเองการเลือกอาชีพและสาขาวิชาที่จะศึกษา ให้เหมาะสมกับตัวเองโดยเน้นเรื่องบุคลิกภาพ บุคคลแต่ละบุคคลย่อมมีบุคลิกภาพที่แตกต่างกัน แต่ละคนจะมี ลักษณะที่ชี้เฉพาะตนไม่ว่ารูปร่าง หน้าตา ผิวพรรณ หรือนิสัยใจคอ มีนักวิชาการบางท่านได้ให้ความหมายของคำว่า “บุคลิกภาพ” คือ ลักษณะส่วนรวมของ บุคคล ซึ่งประกอบด้วยสิ่งที่ปรากฏทางร่างกาย นิสัยใจคอ ความรู้สึกนึกคิด และพฤติกรรมรวมของบุคคลนั้น ซึ่งได้รวมอยู่ด้วยกันอย่างผสมกลมกลืนในตัว บุคคลนั้น รวมถึงสิ่งที่เขาชอบและไม่ชอบ สิ่งที่เขาสนใจและไม่สนใจ เป้าหมายต่าง ๆ ในชีวิตของเขา ความสามารถด้านต่าง ๆ ของเขาลักษณะของบุคลิกภาพเฉพาะของแต่ละคนนั้น หากบุคคลรู้จักและเข้าใจบุคลิกภาพจนสามารถมองตนได้ตามสภาพความเป็นจริงย่อม ช่วยให้บุคคล ตัดสินใจเลือกแนวทางชีวิต การศึกษา และอาชีพได้อย่างสอดคล้องกับตัวเองมากที่สุดบุคลิกภาพสำคัญอย่างไรบุคลิกภาพนั้นเกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง1. ทางกายภาพ หมายถึง รูปร่างหน้าตาดี ย่อมส่งผลให้ผู้สัมภาษณ์สนใจได้บ้าง และตนเองก็มีความภูมิใจมั่นใจยิ่งถ้ามีสุขภาพที่แข็งแรงว่องไวในการทำงาน ยิ่งน่าประทับใจ2. ทางสมอง สมองดีไม่มีโรคภัยไข้เจ็บก็จะทำให้เขามีความทรงจำดีเชาวน์ปัญญาดี แต่ต้องเป็นผลจากการศึกษาอบรมพื้นฐานด้วย3. ความสามารถ อาศัยประสบการณ์ และความถนัดจากการฝึกฝน4. ความประพฤติ เป็นผู้อยู่ในศีลธรรม สุภาพอ่อนโยน มีมนุษยสัมพันธ์ ไม่เป็นปฏิปักษ์กับสังคม5. ชอบเข้าสังคมมีทัศนคติที่ดีต่อผู้อื่น การแสดงออกต่อเพื่อนฝูง ไม่เห็นแก่ตัว มีน้ำใจต่อผู้อื่นไม่อวดตัว6. อารมณ์ดี ใจเย็น ไม่ฉุนเฉียว อดกลั้นโทสะได้7. กำลังใจ เป็นคนที่จิตใจเข้มแข็ง ไม่ท้อถอย ไม่เสียขวัญง่ายบุคลิกภาพมีอิทธิพลต่อการเลือกอาชีพเพราะบุคลิกภาพมีอิทธิพลต่อการเลือกอาชีพ โดยบุคคลจะเลือกอาชีพที่เหมาะสมกับบุคลิกภาพของตน บุคลิกภาพเฉพาะอย่างมีความสัมพันธ์กับอาชีพ เฉพาะอย่าง ทฤษฎีการเลือกอาชีพของ “จอห์นแอล ฮอลแลนด์”1. แนวคิดพื้นฐาน 4 ประการประการที่ 1 อาชีพเป็นเครื่องแสดงออกทางบุคลิกภาพ บุคคลจะเลือกอาชีพใดย่อมแสดงว่าบุคลิกภาพของ เขาจะปรากฏออกมาในทิศทางเดียวกันประการที่ 2 บุคลิกภาพของแต่ละบุคคลมีความสัมพันธ์กับชนิดของสิ่งแวดล้อมในการทำงานของ บุคคลนั้น ดังนั้น บุคคลจึงมีแนวโน้มจะหันเข้าหางาน หรืออาชีพที่สอดคล้องกับบุคลิกภาพของเขาประการที่ 3 บุคคลจะค้นหาสิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวยให้เขาได้ฝึกทักษะ และใช้ความสามารถของเขา ทั้งยัง เปิดโอกาสให้เขาได้แสดงเจตคติ ค่านิยม และบทบาทของเขาฃประการที่ 4 บุคลิกภาพของสิ่งแวดล้อมจะเป็นตัวกำหนดพฤติกรรมของแต่ละบุคคล ดังนั้น เมื่อสามารถ ทราบบุคลิกภาพและสิ่งแวดล้อมของบุคคลแล้ว ก็จะทำให้ทราบผลที่จะติดตามมาของบุคคลนั้นด้วย เช่น การเลือกอาชีพ ความสำเร็จในอาชีพ ตลอดจนทั้ง พฤติกรรมต่าง ๆ ทั้งการศึกษาอาชีพและสังคมด้วย2. สาระของทฤษฎีสรุปทฤษฎีของเขาไว้ 4 ประการดังนี้ คือ2.1 ในสังคมของวัฒนธรรมตะวันตก สามารถแบ่งบุคคลออกตามลักษณะของบุคลิกภาพได้ 6 ประเภท คือ พวกชอบเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เป็นรูปธรรม (Realistic) พวกที่ชอบเกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่ใช้ความคิด การแก้ปัญหา (Intellectual) พวกชอบเข้าสังคม (Social) พวกชอบระเบียบแบบแผน (Conventional) พวกที่มีความทะเยอทะยาน ชอบมีอำนาจ (Enterprising) และพวกชอบศิลปะ (Artistic)2.2 บรรดาอาชีพต่าง ๆ นั้น สามารถแบ่งตามลักษณะและสภาพแวดล้อมได้ 6 ชนิด ซึ่งสอดคล้องกับบุคลิกภาพของคนทั้ง 6 ประเภท2.3 บุคคลย่อมแสวงหาสภาพแวดล้อมและอาชีพ ซึ่งเปิดโอกาสให้เขาได้ใช้ความสามารถและทักษะ เพื่อแสดงออกถึงค่านิยมและทัศนคติ ตลอดจนการ มีบทบาทที่เหมาะสม และหลีกเลี่ยงบทบาทที่ไม่เหมาะสมกับตนเอง2.4 พฤติกรรมของบุคคลสามารถอธิบายได้จากปฏิกิริยาระหว่างแบบฉบับแห่งพฤติกรรมของ เขากับสภาพแวดล้อมของเขาท่านมีแนวถนัดด้านใดบ้างคนเรานั้นมีความถนัดในการกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือหลาย ๆ สิ่งด้วยกันทุกคน แต่มีระดับความสามารถมากน้อยแตกต่างกันไป บางคนมีความถนัดใน การทำงานหลาย ๆ ด้าน แต่บางคนมีความถนัดในการทำงานด้านใดด้านหนึ่งโดยเฉพาะความถนัดก็คือ ระดับความสามารถของบุคคล ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้ โดยที่บุคคลนั้น ๆ ได้รับการฝึกอบรม หรือมีประสบการณ์ในงานนั้นๆ มาคู่กัน และสามารถที่จะนำ ประสบการณ์หรือความรู้ที่ได้จากการฝึกอบรมนั้นไปใช้ให้ เป็นประโยชน์ สำหรับการสำรวจตัวท่านเองว่าเป็นคนอย่างไร มีบุคลิกภาพอย่างไร ตลอดจนพฤติกรรมและลักษณะที่เป็นทั้งข้อดีข้อเสีย มีความเชี่ยวชาญ ชอบงาน ประเภทใด และมีความถนัดทางด้านใด จะช่วยให้เราสามารถมองภาพที่เป็นตัวเองได้ทั้งหมดจอห์น แอล ฮอลแลนด์ ได้จำแนกประเภทอาชีพตามบุคลิกภาพของบุคคลออกเป็น 6 กลุ่ม ซึ่งสามารถตัดสินใจก่อนตัดสินใจเลือกอาชีพดังนี้ลักษณะโดยทั่วไปผู้ที่มีบุคลิกภาพแบบนี้ จะชอบกิจกรรมที่ต้องใช้พละกำลังชอบทำจักรกล ขาดทักษะในการสร้างสัมพันธภาพระหว่างบุคคล หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องสังคมกับบุคคลอื่น ไม่ชอบเป็นจุดสนใจของผู้อื่น ค่อนข้างก้าวร้าว มีลักษณะเป็นชาย มีค่านิยมทางเศรษฐกิจและการเมือง ในรูปแบบที่มีระเบียบแบบแผนยึดถือประเพณีนิยมลักษณะเด่นของบุคลิกภาพมีความเป็นผู้ใหญ่ มีความอดทน มีความบากบั่น กล้าแสดงผลงาน ขาดทักษะในการสร้างสัมพันธภาพทางสังคมกลุ่มที่ 2 บุคลิกภาพแบบที่ต้องใช้เชาวน์ปัญญาและความคิดนักวิชาการ หรือผู้ใช้กิจกรรมทางปัญญาในการแก้ปัญหา และแสวงหาความรู้ (Investigative)ลักษณะโดยทั่วไปผู้ที่มีบุคลิกแบบนี้จะชอบคิด สังเกต วิเคราะห์ สังเคราะห์ วิจารณ์อย่างมีเหตุผล ชอบแก้ปัญหา ชอบใฝ่หาความรู้ มีหลักการ ชอบทำงานที่สลับซับซ้อน มากกว่าเป็นผู้ลงมือทำ ไม่ติดประเพณีนิยมหลีกเลี่ยงการค้า การชักชวน การเข้าสังคมและการเลียนแบบลักษณะเด่นมีความเชื่อมั่นในตัวเอง มีความคิดเห็นรุนแรง มีความบากบั่นอุทิศเวลาให้กับงาน เก็บตัวไม่ใคร่สนใจการประเมินตนเองมีความเป็นตัวของตัวเองสูง ไม่ชอบเอาอย่างใครสูง มีความร่าเริงต่ำกลุ่มที่ 3 บุคลิกภาพแบบมีศิลปะ (Artistic)ลักษณะโดยทั่วไปผู้ที่มีบุคลิกภาพที่ชอบกิจกรรมเกี่ยวกับนามธรรม เป็นอิสระ รักความงาม มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ชอบใช้ชีวิตและกิจกรรมแบบตามลำพังไม่ค่อยควบคุมตัวเอง มักทำตามใจที่ตนปรารถนา มีความต้องการแสดงออกถึงลักษณะเฉพาะตัวของตัวเอง ชอบงานทางศิลปะ ไม่ชอบเลียนแบบ มีความคิดริเริ่ม หลีกเลี่ยงงานประเภทใช้ระเบียบแบบแผนลักษณะเด่นของบุคลิกภาพมีสุนทรีย์ มีศิลปะ ชอบคิดคำนึง ชอบครุ่นคิดคนเดียว เก็บตัวการประเมินตนเองมีความเป็นอิสระสูง มีความเข้าใจในตนเองสูง มีความสามารถในการควบคุมตนเอง มีความสามารถในการแสดงความรู้สึกกลุ่มที่ 4 บุคลิกภาพที่ชอบสมาคม สังคมกับบุคคลอื่น มีความสนใจสังคม (Social)ลักษณะโดยทั่วไปผู้มีบุคลิกภาพแบบนี้ชอบติดต่อกับคน ชอบสนทนา ชอบให้ความรู้ สอนผู้อื่น ชอบแสดงตัวร่าเริง มีความรับผิดชอบ มีทักษะทางภาษา ต้องการความสนใจ ชอบ ช่วยเหลือผู้อื่น มีลักษณะเป็นผู้หญิง หลีกเลี่ยงการใช้ความคิดทางปัญญา มีแก้ปัญหาโดยคำนึงถึงความรู้สึก หลีกเลี่ยงงานที่เกี่ยวกับเครื่องยนต์ หรือทางวิทยาศาสตร์ลักษณะเด่นของบุคลิกภาพชอบสมาคม ร่าเริง ชอบเที่ยว รักษาประเพณี มีความรับผิดชอบ มีอำนาจอิทธิพลเหนือบุคคลอื่นๆ มีลักษณะท่าทาง นิสัยเป็นหญิงกลุ่มที่ 5 บุคลิกภาพแบบกล้าคิดกล้าทำ มีธรรมชาติที่ชอบทำกิจกรรมเกี่ยวข้องกับการวางแผนหรือผลประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจ (Enterprising)ลักษณะโดยทั่วไปจะมีลักษณะของความเป็นผู้นำ มีความคิดริเริ่ม มีความเชื่อมั่นในตัวเองกล้าโต้แย้ง กล้าได้กล้าเสีย พร้อมที่จะทดลอง มีความเป็นอิสระ มีความสนใจอำนาจ มีความก้าวร้าวทางวาจา มีทักษะในการเจรจา มักหลักเลี่ยงสภาพการณ์ที่ต้องใช้กำลังทางปัญญาอันยาวนาน ไม่ชอบกิจกรรมที่เป็นระเบียบแบบแผนลักษณะเด่นกล้าคิดกล้าทำ ชอบวางแผน ชอบสมาคม มีอำนาจเหนือผู้อื่น ร่าเริง สนุกสนาน ทำตามอารมณ์ ไม่ชอบใช้กำลังความคิดอันยาวนานการประเมินตนเองมีความเป็นผู้นำ ชอบการสมาคม มีความก้าวร้าว มีความเข้าใจตนเองกลุ่มที่ 6 บุคลิกภาพแบบที่ทำตามระเบียบแบบแผน (Conventional)ลักษณะโดยทั่วไปมักชอบใช้กิจกรรมเป็นรูปธรรมและกิจกรรมทางภาษายึดถือประเพณี ชอบทำตามระเบียบแบบแผนมากกว่าการริเริ่มด้วยตนเอง เป็นพวกวัตถุนิยมและ เจ้าระเบียบ ชอบการเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ชอบเลียนแบบ เป็นผู้ตามลักษณะเด่นอาศัยผู้อื่น รักษาระเบียบประเพณีการประเมินตนเองมีจิตใจที่ทำอะไรทำจริง เคร่งครัดในระเบียบแบบแผนที่มา : กระทรวงแรงงาน
อ่านเพิ่มเติม
ในยุคที่โลกหมุนเร็วเหมือนกดปุ่มFast-Forward เทคโนโลยีใหม่ๆ และAI (ปัญญาประดิษฐ์) ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตการทำงานเราไปแล้ว คำถามสำคัญคือ... ทักษะที่เรามีในวันนี้ จะยังดีพอสำหรับโลกการทำงานในปี2026 หรือไม่?การUpskill (ต่อยอดทักษะเดิม)และReskill (สร้างทักษะใหม่)ไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่คือ "ทางรอด" ของคนทำงานยุคใหม่ วันนี้จะมา "เปิดโผ"6ทักษะดิจิทัลสำคัญ ที่จะช่วยให้คุณไม่ใช่แค่ "อยู่รอด" แต่ยัง "เติบโต" และเป็นที่ต้องการตัวในตลาดแรงงานแห่งอนาคต!1.การใช้และสั่งการ AI (AI Literacy & Prompt Engineering)ในเมื่อAI คือผู้ช่วยคนใหม่ การ "คุย" กับAI ให้รู้เรื่องจึงเป็นทักษะสำคัญ ไม่ใช่แค่การใช้ChatGPT ถามตอบ แต่คือการเขียนคำสั่ง (Prompt) ที่เฉียบคม เพื่อให้AI ช่วยสร้างสรรค์งาน, วิเคราะห์ข้อมูล, หรือสรุปงานที่ซับซ้อนให้เราได้อย่างมีประสิทธิภาพ2.การตัดสินใจด้วยข้อมูล (Data-Driven Decision Making)ยุคนี้เลิกใช้ "ความรู้สึก" นำทาง! องค์กรต้องการคนที่สามารถอ่านข้อมูลพื้นฐาน, ทำความเข้าใจกราฟ, และนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้สนับสนุนการตัดสินใจทางธุรกิจได้ ทักษะนี้จะเปลี่ยนคุณจาก "คนทำงาน" ให้กลายเป็น "นักกลยุทธ์"3.ความตระหนักรู้ด้านความปลอดภัยไซเบอร์ Awareness)เมื่อทุกอย่างออนไลน์ ความปลอดภัยจึงเป็นเรื่องของทุกคน ไม่ใช่แค่ฝ่ายไอที การรู้เท่าทันPhishing, การตั้งรหัสผ่านที่ปลอดภัย, และการใช้งานWi-Fi สาธารณะอย่างระมัดระวัง คือทักษะพื้นฐานที่ช่วยป้องกันความเสียหายมหาศาลให้กับองค์กรได้4.การตลาดดิจิทัลและอีคอมเมิร์ซ (Digital Marketing & E-commerce)ไม่ว่าคุณจะอยู่แผนกไหน การเข้าใจวิธีการทำงานของโลกออนไลน์, การตลาดผ่านโซเชียลมีเดีย, หรือหลักการของแพลตฟอร์มE-commerce จะช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมธุรกิจและสร้างประโยชน์ให้องค์กรได้มากขึ้น5.การบริหารโปรเจกต์ดิจิทัล (Digital Project Management)ทักษะการใช้เครื่องมือทำงานร่วมกันทางไกล (Remote Collaboration Tools) และการบริหารจัดการโปรเจกต์ให้สำเร็จลุล่วงตามกำหนดเวลาในยุค Hybrid Working6.การสร้างสรรค์คอนเทนต์ดิจิทัล (Digital Content Creation)ความสามารถในการสื่อสารไอเดียผ่านรูปแบบดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นการทำสไลด์นำเสนอที่น่าสนใจ, การตัดต่อวิดีโอสั้นๆ, หรือการเขียนบทความสรุปที่เข้าใจง่าย คือทักษะที่จะทำให้งานของคุณโดดเด่นและน่าสนใจกว่าใครที่มา : https://www.jobbkk.com
อ่านเพิ่มเติม