ปัจจุบันเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI มีการพัฒนาที่ก้าวกระโดด ทำให้หลายธุรกิจนำAI เข้ามาปรับใช้ ช่วยให้ชีวิตประจำวันและชีวิตการทำงานของเราสะดวกรวมเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น จากผลสถิติของSnapLogic ปี2021 พนักงานกว่า61% บอกว่าAI สามารถช่วยเพิ่มProductivity ให้กับการทำงานได้AIช่วยเขียนNotion – NotionAIสรุปเนื้อหาที่เขียนเอาไว้ตรวจการสะกดคำพร้อมไวยากรณ์ร่างการเขียนหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเขียนอีเมล บล็อก บทกลอน หรือแม้แต่แคปชั่นอินสตาแกรมก็ได้Memแอปจดโน๊ตที่สามารถจัดระเบียบตัวเองได้ด้วยการใช้ AI และNatural Language Processing (NLP) สามารถเชื่อมต่อกับแอปอื่นๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นSlacks, Gmail, Google Calendar และอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานให้ลื่นไหล มีฟังก์ชันในการจัดระเบียบไอเดียและการเขียนได้คล้ายNotion ฟังก์ชันเด่นๆ ได้แก่Similar Mems, Smart Search, Smart Write และSmart EditCraftlyAI ที่จะมาช่วยงานเขียนระดับองค์กรหรือภาคธุรกิจ มีเครื่องมือหลากหลายในการสร้างเนื้อหารูปแบบต่างๆ สามารถใช้งานร่วมกันแบบเป็นทีมได้ มีวิธีการใช้งานง่ายมาก เพียงแค่เลือกรูปแบบที่ต้องการ เช่น ร่างอีเมล เขียนบทความ จากนั้นเลือกรายละเอียดที่เราต้องการ เช่น กลุ่มผู้อ่าน เสร็จแล้วCraftly ก็จะสร้างเนื้อหาให้เราแบบอัตโนมัติและเข้ากับธีมเนื้อหาที่เราต้องการJasperเป็นผู้ช่วยในเรื่องของการสร้างเนื้อหาการเขียนต่างๆ เช่น เขียนโฆษณา อีเมล บทความ และอื่นๆ โดยสามารถใช้เป็นextension ของบราวเซอร์ได้ ทำให้เราสามารถใช้Jasper ได้บนทุกแพลตฟอร์มไม่ว่าจะเป็น โซเชียลมีเดีย อีเมลหรือเว็บไซต์ ล่าสุดมีฟังก์ชันเพิ่มเติมสำหรับการใช้งานภาคธุรกิจ (Jasper for Business) โดยใช้Generative AI ในการช่วยสร้างแบรนด์และสามารถทำงานร่วมกันกับคนในทีมได้AIช่วยจดโน้ต สรุปประชุมMeetGeekเป็นผู้ช่วยในเรื่องของการประชุมในแอปพลิเคชันชื่อดังต่างๆ อย่างZoom Google Meets และMicrosoft Teams เพื่อช่วยจดโน๊ตพร้อมทั้งสรุปการประชุม สามารถใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชันอื่นๆ ได้ เช่นSlacks, Google Drive และTrello พร้อมรองรับหลากหลายภาษาในการทำงาน ได้รับการไว้วางใจทีมผู้ใช้งานกว่าหมื่นทีม ฟีเจอร์การใช้งานหลักๆ มีดังนี้อัดวิดีโอการประชุมให้แบบอัตโนมัติถอดคำพูดได้แบบเรียลไทม์ช่วยสรุปเพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นสรุปใจความสำคัญในการประชุมสามารถตั้งค่าให้เข้าร่วมการประชุมอัตโนมัติได้Otter.aiเป็นตัวช่วยถอดเสียงการประชุม การบรรยาย หรือบทสัมภาษณ์ได้แบบเรียลไทม์ หรือจะนำเข้าไฟล์เสียง ไฟล์วิดิโอ แล้วให้โปรแกรมช่วยถอดออกมาเป็นสคริปต์ก็ได้ และช่วยระบุด้วยว่า นาทีไหน ตอนไหน ใครเป็นคนพูด นายA หรือB นอกจากนั้นยังมีฟีเจอร์Custom Vocabulary ก็คือการตั้งค่าภาษา หรือ คำศัพท์เฉพาะที่เราใช้กันในอุตสาหกรรม ป้องกันOtter จะถอดเสียงผิดพลาด หลังจากถอดเสียงได้แล้ว ตัวOtter ยังช่วยสรุปประเด็นการประชุมได้ด้วยAIช่วยสร้างรูปภาพจากข้อความที่เราป้อน (text-to-image)DALL-Eเป็นAI ที่สามารถสร้างรูปภาพได้จากคำสั่งที่เราป้อนเข้าไป สร้างโดยOpenAI เจ้าของเดียวกับChatGPT สามารถปรับแต่งรูปแบบของรูปภาพได้ตามที่เราต้องการแถมยังอัปโหลดรูปเพื่อให้ AI ช่วยปรับเพิ่มเติมได้Stable DiffusionAI สร้างรูปภาพจากบริษัทสตาร์ทอัพStability AI ที่มีประสิทธิภาพไม่แพ้DALL-E ของOpenAI เป็นโปรเจคแบบopen-source สามารถใช้งานได้ฟรีแบบไม่ต้องลอคอินหรือสมัครสมาชิกใดๆ และมีprompt database เป็นฐานข้อมูลให้เราได้ศึกษาการใช้งาน prompt ด้วยAIช่วยสร้างเสียงและวิดีโอ (Media Creator)Murfเปลี่ยนตัวอักษรให้เป็นเสียงคนโดยการใช้ AI เพื่อพากย์เสียงให้เรา มีตัวเลือกในการปรับแต่งเสียงที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการพากย์เสียงสำหรับ ธุรกิจ เกม การนำเสนอ พอตแคสต์ และอื่นๆ รวมถึงเพศและอายุของเสียงที่เราต้องการด้วย โดยเป็นเสียงที่สังเคราะห์ขึ้นมาจากเสียงจริงๆSupercreatorแอปพลิเคชั่นที่ใช้AI มาช่วยเราสร้างคอนเทนต์ในรูปแบบวิดีโอสั้นๆ อย่าง Reels หรือTikTok โดยให้AI เขียนสคริปต์ในเรื่องนี่เราสนใจ พร้อมสร้างวิดีโอพื้นหลัง แคปชั่น ซับไตเติล แฮชแทก และตัดต่อให้เราอัตโนมัติSupercreator เคลมว่าสามารถช่วยให้เราสร้างคอนเทน์ได้เร็วขึ้น 10 เท่าเลยทีเดียว แต่ตอนนี้การใช้งานจำเป็นต้องสมัครเพื่อรอEarly Access ก่อนAI Searchค้นหาอะไรก็เจอ ถามอะไรก็ตอบได้ Microsoft Edge + BingNew Microsoft Edge experience ได้อัปเดตเบราว์เซอร์Edge ด้วยความสามารถ AI ใหม่และรูปลักษณ์ใหม่ และได้เพิ่มฟังก์ชันใหม่สองฟังก์ชัน: แชทและเขียน ด้วยEdge Sidebar ยกตัวอย่างเช่น สามารถขอสรุปรายงานทางการเงินแบบยาวเพื่อรับข้อมูลสำคัญ จากนั้นใช้ฟังก์ชันแชทเพื่อขอข้อมูลเปรียบเทียบกับข้อมูลทางการเงินของบริษัทคู่แข่งและบันทึกข้อมูลในเอกสารโดยอัตโนมัติ ทั้งยังสามารถขอให้Edge ช่วยเขียนเนื้อหา เช่น โพสต์บนLinkedIn หลังจากนั้น สามารถขอให้ช่วยอัปเดตโทน รูปแบบ และความยาวของโพสต์ได้ ซึ่งEdge สามารถเข้าใจหน้าเว็บที่เปิดอยู่และปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ได้Brave + Brave SearchBrave ประกาศเปิดตัวเทคโนโลยีAI บนBrowser และSearch Engine ของตัวเอง “Brave Summarizer” โดยทำหน้าที่สรุปใจความสำคัญของสิ่งที่เราค้นหาผ่านการใช้ Large Language Model (LLMs) ที่ทางBrave เทรนขึ้นมาเอง ทำให้สามารถประมวลผลคำตอบออกมาได้อย่างแม่นยำและถูกต้องมากขึ้น รวมไปถึงภาษาที่ออกมาจะมีความอ่านรู้เรื่องมากขึ้นด้วย พร้อมแนบลิ้งค์แหล่งที่มาของข้อมูลคล้ายกับEdge หรือBing เพิ่มความน่าเชื่อถือและตรวจสอบได้ของข้อมูลBrave Summarizer ถูกพัฒนาและออกแบบโดยทีม Brave Search และจุดเด่นที่มีไม่เหมือนMicrosoft Edge คือการที่Brave ไม่ได้ใช้ChatGPT หรือเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องใดๆ แต่ใช้LLMs ถึง3 ตัวในการเทรนข้อมูลที่แตกต่างกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นAIช่วยแปลภาษา (Translator)DeepLเป็นสตาร์ทอัปที่เปิดตัวในปี2017ถือเป็นคู่แข่งสำคัญของGoogle Translateเนื่องจากมีหลายเสียงจากผู้ใช้งานกล่าวว่ามีประสิทธิภาพที่ดีกว่าในเรื่องของการแปลภาษา ที่ผ่านการเทรนข้อมูลแปลภาษานับล้าน ที่ใช้AIต่างจากคู่แข่งโดยใช้Convolutional Neural Networks (CNNs)ที่ทำให้การแปลมีความแม่นยำและตรงมากกว่า ข้อจำกัดที่มีคือยังไม่รองรับภาษาได้เยอะเท่ากับGoogle TranslatememoQ translator proเป็นโปรแกรมช่วยแปลซึ่งทำงานบนระบบปฏิบัติการ Microsoft Windows ที่พิเศษคือมันได้รับการออกแบบโดยนักแปล เพื่อนักแปลโดยเฉพาะ รองรับมากกว่า100 ภาษา รวมถึงภาษาไทย (แต่ยังไม่สามารถใช้ภาษาไทยเป็นภาษาต้นทางได้) และมีเครื่องมือมากมายที่ช่วยทำงานแปลขั้นสูง ตัวอย่างเช่นใช้คำแปลก่อนหน้าซ้ำ ไม่ต้องแปลคำเดิมซ้ำสอง ช่วยลดเวลาการทำงานสร้างอภิธานศัพท์ (ศัพท์เฉพาะศาสตร์)พร้อมบันทึกคำแปลเพิ่มเอกสารอ้างอิงแม่นยำด้วยการรักษาการแปลตามบริบท แนะนำทิศทางภาษาที่ถูกต้องที่มา: 14 เครื่องมือ AI ที่ชาวออฟฟิศต้องมี ช่วยให้ทำงานง่ายสบายกว่าเดิม | Techsauce
อ่านเพิ่มเติมการสมัครงานเป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยเอกสารหลากหลายรูปแบบ เพื่อใช้ในการแนะนำตัวผู้สมัครต่อฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) สำหรับพิจารณาคัดเลือก เอกสารหลักที่นิยมใช้กันมาก ได้แก่Resume, CV (Curriculum Vitae) และPortfolio ซึ่งเอกสารแต่ละประเภทมีความแตกต่างกันในด้านการนำเสนอและจุดประสงค์ในการใช้งาน บทความนี้จะอธิบายความแตกต่างของเอกสารเหล่านี้ พร้อมทั้งนำเสนอเทคนิคในการสร้างสรรค์เอกสารให้มีความโดดเด่นและน่าสนใจ เพื่อให้เป็นที่ดึงดูดของฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR)Resume คืออะไร?Resume เป็นเอกสารแนะนำตัวที่มีเนื้อหาย่อและกระชับ ซึ่งประกอบด้วยข้อมูลสำคัญ อาทิ ประวัติส่วนตัว ประวัติการศึกษา ประสบการณ์การทำงาน และทักษะที่เกี่ยวข้อง จุดเด่นของResume คือการนำเสนอข้อมูลที่สอดคล้องกับตำแหน่งงานที่สมัครโดยตรง ทำให้สามารถปรับแต่งเนื้อหาให้เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละงานได้อย่างยืดหยุ่นจุดมุ่งหมาย: การโปรโมตตัวผู้สมัครให้บริษัทรับทราบถึงเหตุผลที่คุณเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับตำแหน่งงานนั้น ๆ ถือเป็นสิ่งสำคัญResume ที่ดีควรมีความยาวไม่เกิน 1-2 หน้ากระดาษ เพื่อคงความกระชับของเนื้อหา และให้ข้อมูลที่จำเป็นอย่างครบถ้วน โดยไม่เยิ่นเย้อรูปแบบ: มีความยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยน เพิ่มเติม หรือแก้ไขข้อมูลต่าง ๆ ได้ตลอดเวลา เพื่อให้รายละเอียดสอดคล้องกับตำแหน่งที่ต้องการสมัครงานอย่างเหมาะสมเคล็ดลับ:เน้นใส่ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานที่สมัครออกแบบให้สวยงามและทันสมัยเพื่อให้โดดเด่นใช้ภาษาที่กระชับและตรงประเด็นตรวจทานการสะกดคำและไวยากรณ์ให้ถูกต้องCV คืออะไร?CV (Curriculum Vitae) เป็นเอกสารที่ให้ข้อมูลอย่างละเอียดและเชิงลึกเกี่ยวกับประวัติการศึกษา ประวัติการทำงาน ประสบการณ์ ทักษะ และคุณสมบัติต่าง ๆ รวมถึงกิจกรรมและการอบรมที่เคยเข้าร่วม โดยทั่วไปCV นิยมใช้ในภูมิภาคยุโรป เอเชีย และตะวันออกกลาง ซึ่งมักมีความยาวตั้งแต่2 หน้ากระดาษขึ้นไปจุดมุ่งหมาย: ช่วยให้ฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) ของบริษัทต่าง ๆ ได้รับข้อมูลภาพรวมทั้งหมดของผู้สมัครอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นประวัติส่วนตัว ประวัติการศึกษา และประวัติการทำงานรูปแบบ: ค่อนข้างแน่นอนและตายตัว แบ่งเป็นหมวดหมู่อย่างชัดเจน โดยทั่วไปจะมีส่วนประกอบดังนี้ข้อมูลส่วนตัว (ชื่อ-นามสกุล, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์, อีเมล)ประวัติการศึกษา (ตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาถึงระดับสูงสุด)ประสบการณ์การทำงาน (รายละเอียดตำแหน่งงาน ชื่อบริษัท ระยะเวลาที่ทำงาน)ทักษะและคุณสมบัติ (ทักษะทางภาษา, คอมพิวเตอร์, และทักษะอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง)กิจกรรมและการอบรม (การเข้าร่วมกิจกรรม, การอบรม, คอร์สพิเศษ)เคล็ดลับ:ใส่รายละเอียดที่เกี่ยวข้องและสำคัญให้ครบถ้วนใช้ภาษาที่เป็นทางการและถูกต้องตามหลักไวยากรณ์จัดเรียงข้อมูลให้เป็นระเบียบและอ่านง่ายPortfolio คืออะไร?Portfolio คือแฟ้มผลงานที่รวบรวมผลงานตลอดช่วงชีวิตการทำงานหรือการศึกษา โดยใช้แสดงหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานที่สมัคร การจัดทำPortfolio ในรูปแบบไฟล์ดิจิทัล เช่นPDF หรือJPG ช่วยเพิ่มความสะดวกในการส่งผ่านทางอีเมลหรือการนำเสนอในรูปแบบออนไลน์จุดมุ่งหมาย: แสดงหลักฐานการทำงานและผลงานที่สอดคล้องกับลักษณะงานที่สมัคร ช่วยให้ฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) สามารถมองเห็นภาพรวมของความสามารถและผลงานของผู้สมัครได้อย่างชัดเจนรูปแบบ: การรวบรวมผลงานที่ผ่านมาของคุณสามารถทำได้อย่างไม่จำกัดจำนวนหน้า ยิ่งมีผลงานที่รวบรวมไว้อย่างครอบคลุม ยิ่งเป็นประโยชน์ในการแสดงความสามารถ รูปแบบของPortfolio สามารถจัดทำเป็นเอกสารที่พิมพ์ออกมา หรือในรูปแบบไฟล์ดิจิทัล เช่นPDF หรือJPG เพื่อความสะดวกในการนำเสนอเคล็ดลับ:คัดเลือกผลงานที่โดดเด่นและแสดงถึงทักษะของคุณโดยตรงออกแบบPortfolio ให้ดูสวยงามและน่าสนใจจัดทำเป็นไฟล์ดิจิทัลที่สามารถเปิดได้ง่ายและสะดวกเทคนิคการสร้างResume, CV และPortfolio ให้โดนใจHRคัดเลือกผลงานชิ้นเด่นสำหรับ Portfolio: เลือกผลงานที่มีความโดดเด่นและแสดงถึงทักษะความสามารถของคุณอย่างชัดเจนออกแบบดีไซน์ให้ทันสมัยและสวยงาม: การจัดทำเอกสารให้มีรูปแบบที่สวยงามและอ่านง่ายเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้รับจัดทำไฟล์ที่เข้าถึงได้ง่าย: ควรใช้ไฟล์ที่สะดวกในการเปิดและเข้าถึง โดยไม่ควรมีขนาดใหญ่หรือเล็กเกินไปใช้ภาษาที่ถูกต้องและตรวจสอบคำผิด: ใช้ภาษาที่เป็นทางการ ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ และตรวจสอบความถูกต้องของการสะกดคำเพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดสรุปความแตกต่างของResume, CV และPortfolioResume: เอกสารที่เน้นความกระชับ เหมาะสำหรับการสมัครงานทั่วไป มักใช้ในประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดาCV: เอกสารที่เน้นข้อมูลเชิงลึกและรายละเอียด เหมาะสำหรับการสมัครงานที่ต้องการข้อมูลในเชิงลึก มักใช้ในยุโรป เอเชีย และตะวันออกกลางPortfolio: เอกสารที่แสดงผลงานที่ผ่านมาของคุณอย่างละเอียด เหมาะสำหรับการสมัครงานที่ต้องการแสดงผลงานและความสามารถเฉพาะทางที่มา: www.phuket108.com
อ่านเพิ่มเติม10 เมกะเทรนด์เทคโนโลยีอัจฉริยะที่ครอบคลุมทุกอุตสาหกรรมทั่วโลกจนถึงปี 2025 ประกอบด้วยการใช้งานเทคโนโลยีAI, 5G, หุ่นยนต์ในบ้าน (Smart Home) และผู้ช่วยส่วนตัวอัจฉริยะ (Smart Assistant) ซึ่งทั้งหมดนี้ถูกคาดการณ์จากรายงานวิสัยทัศน์อุตสาหกรรมทั่วโลก (GIV)1. ใช้ชีวิตกับหุ่นยนต์ (Living with Bots)ความก้าวหน้าด้านวัสดุศาสตร์และการเรียนรู้ของ AI จะช่วยส่งเสริมการใช้งานหุ่นยนต์ในหลากหลายรูปแบบ เช่น ผู้ช่วยในบ้านหรือผู้ช่วยส่วนตัว ทั้งนี้ รายงานGIV คาดการณ์ว่าภายในปี 2025 การใช้งานหุ่นยนต์ตามบ้านทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นถึง14% โดยสามารถแบ่งออกเป็น4 ประเภทหลักNursing Bot จะมาช่วยในเรื่องของสังคมผู้สูงอายุ การดูแลรักษาผู้ป่วยไข้Companion Bot เป็นเพื่อนด้านบันเทิง อยู่เป็นเพื่อนเด็ก ช่วยเลี้ยงลูกButler Bot พวกหุ่นยนต์เครื่องดูดฝุ่น หุ่นยนต์ล้างจาน หุ่นยนต์ทำอาหาร หุ่นยนต์ประเภทนี้เริ่มนำมาใช้แล้วBionic Bot หุ่นยนต์ที่จะเข้ามาอยู่ในร่างกายของเรา เช่น แว่นตาอัจฉริยะ หรืออาจจะเป็นสิ่งที่สวมไปกับขาของเราเพื่อช่วยในเรื่องกระดูก2. ซูเปอร์ไซต์ (Super Sight)การผนวกรวมของเทคโนโลยี 5G, VR/AR, Machine Learning และนวัตกรรมใหม่ๆ จะช่วยให้เราก้าวข้ามขีดจำกัดของระยะทาง นำไปสู่การเปิดมุมมองใหม่ในการมองเห็นโลกทั้งในแง่ของบุคคล ธุรกิจ และวัฒนธรรม รายงานGIV คาดการณ์ว่าบริษัทที่นำเทคโนโลยีAR/VR มาใช้งานจะเพิ่มขึ้นถึง10% ตัวอย่างเช่น การนำโดรนมาตรวจสอบถนนที่ชำรุด การใช้หุ่นยนต์สำรวจท่อใต้ดิน หรือการนำเทคโนโลยีVR/AR มาช่วยสร้างผลงานศิลปะที่สูญหายไป อย่างในกรณีพิพิธภัณฑ์บราซิลที่เกิดไฟไหม้และสูญเสียทรัพยากรทางประวัติศาสตร์ เทคโนโลยีเหล่านี้อาจเรียกว่า'Beyond History' ซึ่งช่วยฟื้นคืนผลงานศิลปะที่สูญหาย3. ซีโรเสิร์ช (Zero Search)เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและเซนเซอร์จะเริ่มมีความสามารถในการคาดการณ์ความต้องการของผู้ใช้งานโดยไม่จำเป็นต้องได้รับคำสั่งล่วงหน้า การค้นหาในอนาคตจะไม่ต้องใช้ปุ่มกด เพราะระบบจะทำงานแบบPersonalize Information เช่น เมื่อผงซักฟอกหรือยาสีฟันหมด เครื่องใช้ไฟฟ้าจะเชื่อมต่อกับระบบและสั่งซื้อสินค้าให้อัตโนมัติ โดยผู้ใช้งานสามารถตั้งค่าล่วงหน้าไว้ได้โดยไม่ต้องกดปุ่มสั่งเอง เครือข่ายสังคมส่วนบุคคลจะถูกสร้างขึ้นอย่างง่ายดาย และอุตสาหกรรมจะได้รับประโยชน์จากการบำรุงรักษาอุปกรณ์ที่ไม่ต้องค้นหา รายงานGIV คาดการณ์ว่าเจ้าของSmart Device ถึง90% จะใช้ผู้ช่วยส่วนตัวอัจฉริยะภายในอนาคต4. ถนนเฉพาะ (Tailored Streets)ระบบการเดินทางอัจฉริยะจะเชื่อมโยงผู้คน ยานพาหนะ และสาธารณูปโภคเข้าด้วยกัน ทำให้การจราจรคล่องตัวมากขึ้น และสามารถตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินได้อย่างรวดเร็ว พร้อมด้วยฟังก์ชันอื่นๆ ที่ช่วยให้ชีวิตสะดวกสบายยิ่งขึ้น รายงานGIV คาดการณ์ว่า15% ของยานพาหนะจะติดตั้งเทคโนโลยีCellular Vehicle-to-Everything (C-V2X) ภายในอนาคต5. ทำงานกับหุ่นยนต์ (Working with Bots)ระบบSmart Automation จะเข้ามาช่วยในงานที่ต้องการความแม่นยำสูง งานซ้ำๆ และงานที่มีความเสี่ยงอันตรายมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มทั้งความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการผลิต รายงานGIV คาดการณ์ว่าในอนาคต อุตสาหกรรมจะมีหุ่นยนต์จำนวน103 ตัวต่อพนักงานทุกๆ10,000 คน6. ความคิดสร้างสรรค์แต่งเสริม (Augmented Creativity)AI Cloud จะช่วยลดต้นทุนและอุปสรรคในการเข้าถึงการทดลองทางวิทยาศาสตร์ นวัตกรรม และศิลปะ ทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงโอกาสแห่งความคิดสร้างสรรค์ได้มากขึ้น รายงานGIV คาดการณ์ว่า97% ขององค์กรขนาดใหญ่จะนำ AI มาใช้งาน ในขณะที่ความคิดสร้างสรรค์มักเกิดจากมนุษย์AI สามารถช่วยเสริมแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ หรือที่เรียกว่า'AI-Inspired Creativity' โดยAI จะรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากเพื่อนำไปสู่การสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่น การแต่งเพลงหรือการเขียนหนังสือ ซึ่งช่วยเพิ่มขีดความสามารถด้านความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ โดยอาศัยคลังข้อมูลอันกว้างขวาง7. การสื่อสารแบบต่อเนื่อง (Frictionless Communication)การสื่อสารระหว่างบริษัทและลูกค้าจะเป็นไปอย่างไร้รอยต่อ พร้อมทั้งทลายกำแพงทางภาษา ทำให้ความเข้าใจและความเชื่อใจกลายเป็นรากฐานสำคัญของการสื่อสารในอนาคต รายงานGIV คาดการณ์ว่า86% ขององค์กรจะสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูล (Data) อย่างเต็มประสิทธิภาพ8. เศรษฐกิจการอยู่ร่วมกัน (Symbiotic Economy)บริษัททั่วโลกกำลังนำเทคโนโลยีดิจิทัลและแอปพลิเคชันบนแพลตฟอร์มมาใช้เพื่อสร้างการเข้าถึงที่สอดคล้องกัน ซึ่งจะส่งเสริมความร่วมมือครั้งใหญ่และการแบ่งปันทรัพยากร สร้างEcosystem ระดับโลกที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น รายงานGIV คาดการณ์ว่าในอนาคต ทุกบริษัทจะใช้เทคโนโลยีคลาวด์ และ85% ของแอปพลิเคชันทางธุรกิจจะถูกใช้งานบนคลาวด์9. การติดตั้งใช้งาน5G อย่างรวดเร็ว5G ได้เริ่มเข้ามาใช้งานอย่างรวดเร็วกว่าเทคโนโลยีก่อนหน้านี้ รายงานGIV คาดการณ์ว่า58% ของประชากรทั่วโลกจะสามารถเข้าถึงเทคโนโลยี 5G ได้10. การกำกับดูแลด้านดิจิทัลทั่วโลก (Global Digital Governances)ความยั่งยืน การจัดการข้อมูลร่วมกัน และหลักการใช้งานข้อมูลจะกลายเป็นประเด็นสำคัญ รายงานGIVคาดการณ์ว่าปริมาณข้อมูลทั่วโลกในปีหนึ่งจะสูงถึง 180ZB (1ZBเท่ากับ 1 ล้านล้านกิกะไบต์ที่มา: THE STANDARD
อ่านเพิ่มเติม