ข่าวสารและบทความ

ข่าวล่าสุด

02 กันยายน 2568

7 เทคนิคสัมภาษณ์งานอย่างไรให้ได้งาน

1.วิเคราะห์งาน ฝ่ายบุคคล หรือHR บริษัทมักจะระบุคุณสมบัติของผู้สมัครงานและรายละเอียดงานต่าง ๆ การวิเคราะห์งานจึงเป็นสิ่งที่ดีสำหรับการเตรียมตัวในการสัมภาษณ์งาน เพื่อให้คุณตรวจสอบรายละเอียดของงาน และพิจารณาว่าบริษัทกำลังมองหาอะไรในตัวของผู้สมัคร2.วิเคราะห์ตัวเอง การรู้วิเคราะห์ตัวเองถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เพื่อให้เรารู้จักตัวเองได้มากขึ้นและรู้จุดอ่อนจุดแข็งของตัวเอง ขอบอกเลยว่าจุดอ่อนจุดแข็งของตัวเอง เป็นคำถามยอดฮิตที่HR มักจะถามในการสัมภาษณ์งานเลย3.ศึกษาข้อมูลของบริษัท ก่อนไปทำการสัมภาษณ์งาน ควรที่จะศึกษาข้อมูลของบริษัทที่คุณกำลังที่จะไปสัมภาษณ์งานให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จะช่วยให้คุณเตรียมคำตอบเกี่ยวบริษัท เนื่องจากหลาย ๆ ครั้งผู้สัมภาษณ์มักจะถามคำถามเกี่ยวกับบริษัท หรืออาจจะถามว่า “คุณรู้จักบริษัทที่สมัครงานดีแค่ไหน” และยังเป็นการแสดงให้เห็นว่าคุณสนใจในงานและบริษัทนั้นมากน้อยแค่ไหนอีกด้วย4.ฝึกซ้อมสัมภาษณ์งาน การฝึกซ้อมสัมภาษณ์ช่วยให้คุ้นเคยกับการสัมภาษณ์งาน ไม่ว่าจะเป็นการฝึกซ้อมหน้ากระจก การตั้งกล้องเพื่อบันทึกวิดีโอ หรือซ้อมกับเพื่อนก็ตาม เพื่อดูว่าบุคลิกภาพของคุณเวลาสัมภาษณ์แสดงออกเป็นแบบไหน น้ำเสียงขณะสัมภาษณ์เป็นอย่างไร เพื่อให้แก้ไขได้อย่างถูกต้องและตรงจุด5.เตรียมการแต่งกายให้พร้อม สิ่งแรกผู้สัมภาษณ์หรือHR จะสังเกตเห็นเกี่ยวกับตัวคุณ คือการแต่งกายและบุคลิกภาพภายนอก การแต่งกาย แต่งหน้า รวมไปถึงการทำผมที่เหมาะสมและสุภาพนั้น ช่วยทำให้คุณมีบุคลิกภาพที่ดีขึ้น นอกจากนี้หากคุณเลือกโทนหรือเสื้อผ้าที่เหมาะกับตัวคุณยังช่วยสร้างความมั่นใจให้กับตัวคุณได้อีกด้วย6.เตรียมคำถามเพื่อถามHRหรือผู้สัมภาษณ์ การถามคำถามของผู้สมัคร สำคัญไม่แพ้กับการตอบคำถาม เชื่อว่าก่อนจบในการสัมภาษณ์งานทุกครั้งผู้สมัครก็มักจะเจอคำถาม “คุณมีอะไรจะถามเพิ่มเติมไหม” หลาย ๆ ท่านคงตอบปฏิเสธไปว่า “ไม่มีคำถาม” รู้หรือไม่ว่าคำถามนี้ หากคุณถามคำถามได้ดีถือว่าเป็นโอกาสทองที่ดีสำหรับผู้สมัครเลยก็ว่าได้ ดังนั้นควรที่จะเตรียมคำถามสำหรับถามHR ให้เป็นอย่างดี หลีกเลี่ยงคำถามที่เกี่ยวกับการซุบซิบในที่ทำงาน7.เตรียมเอกสารให้พร้อม นอกจากการเตรียมตัวไปสัมภาษณ์งานแล้ว ในการไปสัมภาษณ์ทุกครั้ง ควรที่จะเตรียมเอกสารให้พร้อม เช่น แฟ้มสะสมผลงานResume เอกสารทางการศึกษา และเอกสารแสดงตัวตน เป็นต้น เอกสารที่เตรียมไปนั้นควรเตรียมไปเผื่อ2-3 ชุด พร้อมทั้งเซ็นรับรองให้เรียบร้อย7เทคนิคการสร้างความประทับใจในการสัมภาษณ์งาน1.พูดชัดถ้อยชัดคำ ส่งผลดีต่อบุคลิกภาพและการสื่อสารที่ดีของผู้สมัคร อีกทั้งยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในการพูด ที่สำคัญควรเรียบเรียงการตอบคำถามหรือคำพูดให้ดี2.เลือกการใช้ระดับภาษาที่เหมาะสม ควรเลือกใช้ภาษาในการสื่อสารให้เหมาะสม ไม่ควรเป็นทางการจนเกินไป แต่ก็ไม่ควรพูดเล่นหรือติดตลกมากเกิน เพราะจะทำให้คุณหมดความน่าเชื่อถือ3.ให้ความสำคัญกับภาษากาย ภาษากาย หรืออวัจนภาษา มีบทบาทสำคัญไม่แพ้กัน เพราะสามารถเป็นตัวกำหนดได้ว่า “คุณเป็นคนอย่างไร” หากคุณแสดงภาษากายไม่เหมาะสมก็จะส่งผลให้ภาพลักษณ์ของคุณไม่ดีไปด้วย4.ไม่แสดงทัศนคติที่ไม่ดีต่อที่ทำงานเก่าหรือนายจ้างเก่า ในการสัมภาษณ์งานคุณไม่ควรแสดงทัศนคติที่ไม่ดีต่อที่ทำงานเก่าอย่างเด็ดขาด เนื่องจากจะทำให้คุณดูไม่มีความเป็นมืออาชีพ อีกทั้งยังส่งผลให้คะแนนติดลบไปอีก5.ตั้งใจฟังคำถาม และเป็นผู้ฟังที่ดี ในระหว่างการสัมภาษณ์งานคุณควรที่จะตั้งใจฟังคำถามและในช่วงที่ผู้สัมภาษณ์หรือ HR อธิบายลักษณะงาน เพื่อแสดงถึงความเป็นมืออาชีพและความสนใจในการทำงาน6.รู้จักตั้งคำถาม การสัมภาษณ์งานที่ดีนอกจากเป็นผู้ฟังที่ดีแล้ว คุณไม่ควรปล่อยให้ผู้สัมภาษณ์อธิบายงานหรือถามเพียงฝ่ายเดียว หากมีโอกาสได้ถามหรือผู้สัมภาษณ์เปิดโอกาสให้คุณถามคำถาม คุณควรที่จะตั้งคำถามที่เกี่ยวข้องกับการทำงานเพื่อแสดงความกระตือรือร้นต่องาน7.มีสติในการตอบคำถามทุกครั้ง การมีสติช่วยให้ลดความประหม่า และความตื่นเต้นที่เกิดขึ้นกับคุณได้ ดังนั้นคุณควรตั้งสติและคิดอย่างรอบคอบก่อนตอบคำถามทุกครั้งสรุปสัมภาษณ์งานอย่างไรให้ได้งาน การเตรียมตัวสัมภาษณ์งานช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้สมัคร นอกจากนี้คุณสามารถประเมินความสามารถของตนเอง และปรับปรุงบุคลิกภาพขณะสัมภาษณ์งานผ่านการฝึกซ้อมได้ด้วย สุดท้ายนี้ ไม่มีการสัมภาษณ์งานใดที่ทำให้คุณเสียเวลา แม้ว่าจะได้งานหรือไม่ได้งาน หรือแม้กระทั่งงานดังกล่าวไม่เหมาะสมกับคุณก็ตาม การสัมภาษณ์งานทุกครั้งเป็นการเปิดโอกาสในคุณได้ฝึกฝนทักษะการพูดและการสัมภาษณ์ไปในตัวที่มา: https://www.humansoft.co.th/th/blog/prepare-for-a-job-interview

อ่านเพิ่มเติม

29 สิงหาคม 2568

The Future-Ready Executive: เตรียมพร้อมผู้นำสู่ปี 2026

ในยุคที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว บทบาทของการเป็นผู้นำในยุคนี้ไม่ใช่แค่เพียงการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ แต่คือการสร้าง ‘ความพร้อม’ ให้องค์กรพร้อมรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ได้ไม่ว่าจะเป็นความท้าทายด้านAI, ความผันผวนทางเศรษฐกิจ หรือการเปลี่ยนแปลงในตลาดแรงงาน ล้วนเป็นแรงกดดันใหม่ที่ทำให้องค์กรไม่อาจพึ่งพา “ความแข็งแกร่ง” เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป ความมั่นคงในวันนี้อาจเกิดขึ้นจาก “ความสามารถในการเรียนรู้ ปรับตัว และสร้างความยืดหยุ่น” อยู่เสมอปี2025 จึงเป็น ปีแห่งการลงมือทำ เพื่อสร้างความพร้อมสำหรับอนาคตในปี2026บทความนี้Skooldio ได้สรุป5 หลักคิดสำคัญของ Future-Ready CEO พร้อมแนวทางปฏิบัติจริงที่จะช่วยให้คุณพาองค์กรก้าวผ่านความไม่แน่นอนด้วยความมั่นใจ5 หลักคิดของผู้นำพร้อมรับปี 20261. เปิดรับการเปลี่ยนแปลงอย่างกล้าหาญ (Embrace Bold Transformation)ในยุคที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว IBM ชี้ว่าCEO ต้องมีความกล้าหาญเป็นแกนหลัก กล้าที่จะโอบรับทั้งความเสี่ยงและโอกาสสร้างทีมที่กล้าลองผิดลองถูก กล้าทดลอง เรียนรู้ ปรับความเร็วให้เหมาะสม ล้มแล้วลุกขึ้นใหม่ เพื่อเดินหน้าต่อไป2. นำทีมใช้AI อย่างมีกลยุทธ์ (Strategically Lead the AI Revolution)AI คือหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน รายงานจากMIT CISR ระบุว่า บริษัทที่มีบอร์ดบริหารที่เข้าใจทั้งDigital และAIสามารถสร้างผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) ได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยถึง10.9%McKinsey ยังสรุปบทเรียนสำคัญจากWorld Economic Forum ที่Davos ว่าGenerative AI คือโอกาสที่มีมูลค่าสูงถึง4.4 ล้านล้านดอลลาร์ และมีพลังในการพลิกโฉมทั้งองค์กร แต่ความท้าทายคือมีเพียง11% ของโปรเจกต์gen AI pilots เท่านั้นที่สามารถขยายผลได้จริง (“only 11 percent of gen AI pilots actually scale”- McKinsey & Company)สิ่งที่CEO ต้องทำจึงไม่ใช่แค่ทดลองAI แต่ต้องเปลี่ยนไปสู่การใช้งานจริงในระดับองค์กรโดยเน้นโปรเจกต์ที่ให้ผลลัพธ์และROI ชัดเจนนอกจากนี้อีกหนึ่งสิ่งสำคัญคือเรื่อง ข้อมูล เพราะข้อมูลคือรากฐานของAI หากองค์กรไม่มีโครงสร้างข้อมูลที่แข็งแรงการลงทุนด้าน AI อาจให้ผลตอบแทนต่ำกว่าที่ควรจะเป็น3. สร้างองค์กรให้คล่องตัว รับมือความเปลี่ยนแปลง (Cultivate Strategic Agility in a Volatile World)ในโลกที่ผันผวนและคาดเดายาก ผู้นำควรติดตามความเคลื่อนไหวและการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ อย่างใกล้ชิดไม่ว่าจะเป็นนโยบาย เศรษฐกิจ หรือภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) ฯลฯ เพื่อประเมินทั้งโอกาสและความเสี่ยงได้ก่อนคู่แข่งนอกจากนี้การวางกลยุทธ์ที่ยืดหยุ่นและพร้อมรับความเป็นไปได้ที่หลากหลาย จะช่วยให้ธุรกิจปรับตัวได้ทันต่อความเปลี่ยนแปลง โดยยังรักษาความสามารถในการแข่งขันและไม่พลาดโอกาส ในตลาดเกิดใหม่ พร้อมกันนั้นยังคงเสริมความแกร่งในตลาดเดิมได้อย่างยั่งยืน4. ลงทุนในคนและวัฒนธรรมองค์กรให้พร้อมรับอนาคต (Invest in Future-Ready People and Culture)Future of Jobs Report 2025 โดยWorld Economic Forum คาดการณ์ว่าจะมีตำแหน่งงานเพิ่มขึ้นสุทธิ78 ล้านตำแหน่งภายในปี2030 แต่39% ของทักษะสำคัญจะเปลี่ยนแปลงไปดังนั้นผู้นำควรปิดช่องว่างนี้ด้วยการพัฒนาทักษะใหม่ ๆ ของบุคลากรอย่างต่อเนื่อง เชื่อมโยงความรู้ที่เป็นเชิงทฤษฎีให้พวกเขาสามารถเอามาประยุกต์ใช้ได้จริงในงานนอกจากนี้อีกหนึ่งคนที่มีบทบาทสำคัญในองค์กรคือ ผู้จัดการ ที่ผู้นำจำเป็นต้องลงทุนในการฝึกอบรมไม่เพียงแค่เรื่องเครื่องมือAI แต่รวมไปถึงการพัฒนาhuman skills ต่าง ๆ เช่น ความเห็นอกเห็นใจ, การcoaching, strategic problem-solving เป็นต้นผู้จัดการจะกลายเป็นผู้ที่ดูแลการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI สร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุด5. ผสานความยั่งยืนและความยืดหยุ่น (Integrate Sustainability & Resilience)ในเดือนตุลาคม2024 PwC Pulse Survey รายงานว่า64% ของผู้บริหารมองว่า Climate Change เป็นความเสี่ยงต่อธุรกิจในระดับปานกลางถึงรุนแรง เพิ่มขึ้นจาก61% ในเดือนมิถุนายนปีเดียวกันPwC ยังระบุว่า “Sustainability unlocks enormous opportunities.”หากมองให้ลึก ความยั่งยืนยังเปิดประตูสู่ โอกาสใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการเติบโตในตลาดที่เกิดใหม่ การดึงดูดลูกค้าและพนักงานกลุ่มใหม่ ที่จะร่วมกันสร้างองค์กรที่ให้คุณค่ากับStakeholders อย่างแท้จริงนอกจากนี้ท่ามกลางโลกที่ยังคงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนอีกหนึ่งสิ่งสำคัญคือการ เสริมความยืดหยุ่นให้องค์กรรายงานจากEY ซึ่งสำรวจcorporate directors เกือบ500 คนจาก7 ประเทศในทวีปอเมริกา พบว่าในปี2025 บอร์ดบริหารจะให้ความสำคัญกับ4 เรื่องหลัก เพื่อเตรียมองค์กรให้พร้อมสำหรับความไม่แน่นอนและการTransformation ได้แก่:Capital StrategyTechnological Security & InnovationGeopolitical Scenario PlanningTalent Advantageจากหลักคิดสู่การปฏิบัติ: 6 สิ่งที่CEO ต้องลงมือทำการมีหลักคิดนั้นเป็นสิ่งสำคัญ แต่สิ่งที่แยก ‘องค์กรที่พร้อมสำหรับอนาคต’ ออกจากองค์กรทั่วไป คือ ความสามารถในการเปลี่ยนแปลงจากแนวคิด ไปสู่การปฏิบัติจริงการเป็นFuture-Ready CEO จึงไม่ใช่แค่เรื่องของการมองเห็นเทรนด์หรือกำหนดวิสัยทัศน์ แต่คือการขับเคลื่อนองค์กรให้ก้าวไปข้างหน้าแม้ในสภาวะที่ไม่แน่นอนรายงานจากBCG ระบุว่า มี6 action ที่CEO เท่านั้นสามารถทำได้เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นจริงในองค์กร1. กำหนดวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน (Create Purpose and Clarity)CEO ต้องกำหนดและสื่อสารวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน เชื่อมโยงกลยุทธ์กับเป้าหมายและสิ่งที่วัดผลได้ เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันในองค์กร2. โฟกัส (Create Focus)แปลง ‘Vision’ ให้เป็นสิ่งที่องค์กรสามารถลงมือทำได้จริง มุ่งเน้นไปที่สิ่งสำคัญสูงสุด ทุ่มทรัพยากรและพลังงานไปยังงานที่สร้างผลลัพธ์ พร้อมทั้งรู้ว่าอะไรควรหยุดทำเพื่อไม่ให้ทีมไขว้เขว3. สร้างศักยภาพให้องค์กร (Create Capacity)สร้างศักยภาพให้ทีมและองค์กรผ่านการใช้เทคโนโลยีและ AI, การupskilling ไปพร้อม ๆ กับการดูแลใจคนในองค์กร4. สร้างแรงผลักดัน (Create Drive)สร้างแรงบันดาลใจและแรงผลักดันให้ทีมเชื่อในสิ่งที่เป็นไปได้ พร้อมสร้างความมั่นคงท่ามกลางความไม่แน่นอนBCG ระบุว่า ‘Storytelling’ เป็นเครื่องมือทรงพลัง หากCEO เล่าเรื่องราวประสบการณ์ที่ตนได้ลงมือทำให้เห็นเป็นตัวอย่างจริง ก็จะยิ่งช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดความเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์นั้น ย้ำให้ทีมเห็นว่ามันเป็นไปได้จริง พร้อมทั้งผลักดันให้องค์กรก้าวไปข้างหน้าได้เร็วและไกลขึ้น5. ลดความซับซ้อน (Reduce Complexity)แน่นอนว่าเมื่อธุรกิจเติบโต ความซับซ้อนก็ย่อมเกิดขึ้นด้วย แต่ถ้าความซับซ้อนนั้นไม่ได้สร้างคุณค่าก็จะยิ่งถ่วงทีมให้ช้าลงCEO ต้องลดความซับซ้อนในบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบที่อาจทับซ้อนกันอยู่ และ ‘Align’ โปรเจกต์ต่าง ๆ กับเป้าหมายสำคัญขององค์กร เพื่อให้ทีมทำงานได้อย่างคล่องตัวและโฟกัสกับสิ่งสำคัญจริง ๆ6. ลดความขัดแย้ง (Reduce Friction)Unconstructive Friction หรือความขัดแย้งที่ไม่สร้างสรรค์ในทีม เป็นสิ่งที่บั่นทอนความไว้วางใจและชะลอความก้าวหน้าขององค์กรดังนั้นCEO จึงควรเสริมสร้างวัฒนธรรมที่สามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างปลอดภัย และจัดการกับความขัดแย้งอย่างตรงไปตรงมาที่มา: https://blog.skooldio.com/the-future-ready-executive-2026/

อ่านเพิ่มเติม

18 สิงหาคม 2568

ไขความลับ AI ยิ่งใช้ยิ่งฉลาด ไม่ขาด Critical Thinking

คนยุคใหม่ใช้GenAI เป็นผู้ช่วยส่วนตัวราวกับเป็นแขนขาที่สาม ภาระหน้าที่หลายอย่างที่เคยต้องเสียเวลาเป็นวันก็เหลือแค่ไม่กี่ชั่วโมง หรืออาจหลักนาทีเพราะมีAI คอยGenerate ให้ตามคำสั่ง ขอแค่ป้อนPrompt ที่ดีพอจะให้ปัญญาประดิษฐ์เข้าใจทว่าความสะดวกสบายนี้กลับมาพร้อมประเด็นถกเถียงว่า ‘มนุษย์จะโง่ลงเพราะAI หรือเปล่า?’GenAIทำให้คนคิดน้อยลงMIT Media Lab พบว่า การทำงานของสมองลดลงเมื่อใช้LLM (Large Language Model) เทียบกับการค้นหาเว็บและการคิดเองทั้งหมด นอกจากนี้ ผู้ที่ใช้LLM มาก่อนแล้วต้องคิดเอง ก็มีแนวโน้มที่จะคิดได้น้อยลง และอาจลืมสิ่งที่เพิ่งเขียนไปเช่นเดียวกับรายงานจากMicrosoft Research ที่ได้สำรวจกลุ่มคนที่ทำงานด้านความรู้กว่า 319 คน พบว่า ผู้ตอบแบบสอบมากกว่า70% รู้สึกว่าใช้ความพยายามทางสมองน้อยลงมากเมื่อใช้ GenAI โดยเฉพาะในงานที่เกี่ยวกับความรู้ความเข้าใจและการวิเคราะห์แม้จะผลการสำรวจจะเอนเอียงไปว่าการพึ่งพา GenAI จะทำให้ใช้สมองน้อยลง แต่ก็ยังเหลือคนอีกจำนวนหนึ่งที่ให้ความเห็นว่า ‘พวกเขาได้ใช้ความคิดมากขึ้น’ เช่นกันAI ไม่ได้แทนที่ แต่เปลี่ยนรูปแบบนักวิจัยของMicrosoft Research ได้เตือนว่า ‘การพึ่งพาเกินพอดี’ อาจทำให้ทักษะการคิดเชิงวิพากษ์และการแก้ปัญหาในระยะยาวของคนเราลดลงทว่าแท้จริงแล้วGenerative AI ไม่ได้เข้ามาแทนที่การคิดเชิงวิพากษ์ แต่กำลังเปลี่ยนแปลง ‘รูปแบบ’ ของมัน มนุษย์ยังคงต้องคิดอย่างรอบคอบในขั้นตอนต่างๆ โดยกระบวนการคิดเชิงวิพากษ์กำลังเปลี่ยนไปในรูปแบบใหม่ ได้แก่-การตั้งเป้าหมายและออกคำสั่ง (Prompting):เช่น การคิดว่าจะสื่อสารกับAI อย่างไรให้สร้างภาพตามจินตนาการได้-การตรวจสอบผลลัพธ์ (Inspection):ตรวจสอบว่าAI ให้ข้อมูลถูกต้องหรือไม่ อ้างอิงจากแหล่งใด-การบูรณาการ (Integration):การเลือกสิ่งที่ใช้ได้จากAI แล้วปรับให้เข้ากับงานของตัวเองใช้AIให้ฉลาดขึ้น ไม่ใช่โง่ลงเพื่อให้การทำงานในโลกยุคGenAI คือตัวช่วยส่งเสริมศักยภาพมนุษย์อย่างแท้จริง ไม่ใช่การลดระดับมันสมอง ควรใช้ปัญญาประดิษฐ์ช่วยงานผ่านFrameworks ทั้ง5 ข้อนี้1.ถามอย่างมีเป้าหมาย ไม่ใช่แค่ ‘ให้ช่วยคิดแทน’:ควรคิดและตั้งคำถามที่เฉพาะเจาะจง เช่น แทนที่จะบอกว่า ‘ช่วยคิดหัวข้อหน่อย’ ควรระบุว่า ‘ผมอยากทำหัวข้อเกี่ยวกับการศึกษา-เศรษฐกิจ ที่เชื่อมกับอนาคตอีสาน ช่วยแตกเป็น3 idea พร้อมจุดขาย-กลุ่มเป้าหมายได้ไหม’ การทำเช่นนี้ทำให้คุณได้ฝึกคิดและAI จะตอบสนองได้ตรงจุดมากขึ้น2.วิจารณ์ผลลัพธ์ ไม่ใช่เชื่อทันที:ตั้งคำถามเสมอว่า ผลลัพธ์ที่ได้มีอคติหรือไม่ อิงข้อมูลอะไร และคุณมีข้อมูลที่ตรงข้ามหรือไม่ การเชื่อทุกอย่างที่AI ตอบจะปิดโอกาสในการเรียนรู้ 3.AIคือเครื่องมือต่อยอด ไม่ใช้ทางลัด:ใช้AI ช่วยสรุปสิ่งที่คุณไม่เข้าใจ แตกประเด็นให้คุณต่อยอด หรือทวนความเข้าใจของคุณ ยิ่งคุณป้อนความคิดที่ดีเข้าไปมากเท่าไหร่AI ก็จะตอบกลับมาให้คุณฉลาดขึ้นเท่านั้น4.ให้feedback กับAIตลอดเวลา:ลองChallenge ด้วยการพิมพ์กลับไปว่า ผลลัพธ์ที่ให้มายังไม่ลึกพอ ช่วยเพิ่มเติมตัวอย่าง หรือกรณีศึกษาที่มีอยู่จริงมาได้ไหม การฝึกตั้งคำถามและให้feedback จะช่วยลับคมความคิดของคุณเอง5.ใช้AI เพื่อ ‘คิดร่วม’ ไม่ใช่ ‘คิดแทน’:มองAI เป็นคู่คิดที่ดี หรือที่ปรึกษาข้างตัวคุณ คุณจะไม่โง่ลงถ้า “คิดก่อนใช้ วิเคราะห์หลังใช้ และเรียนรู้ระหว่างใช้”การใช้AI อย่างชาญฉลาดคือการที่เรา ‘รู้จักจุดแข็งของตัวเอง’ ในฐานะมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นความคิดสร้างสรรค์ การตัดสินใจที่ต้องใช้สัญชาตญาณ ซึ่งAI ยังทำได้ไม่ดีเท่า และในขณะเดียวกัน ก็ต้องเข้าใจบริบทงานที่เราทำอย่างลึกซึ้ง เพื่อที่จะรู้ว่าส่วนไหนของงานที่AI สามารถเข้ามาช่วยเสริมประสิทธิภาพ หรือทำงานแทนเราได้การทำแบบนี้จะทำให้เราไม่ตกเป็นแค่ผู้ใช้เครื่องมือ แต่ยังคงเป็น ‘ผู้ควบคุมและผู้สร้างสรรค์’ ตัวจริง ที่ไม่ถูกเทคโนโลยีชี้นำไปเสียก่อนที่มา : https://thestandard.co/how-to-use-ai-critical-thinking-smart/

อ่านเพิ่มเติม

ข่าว

25 เมษายน 2566

ประกาศแจ้งเตือนจากบริษัทในกลุ่มอมตะ

18 เมษายน 2566

สมัครงานยังไง ?...ให้ได้งาน พบกับ 10 เทคนิคดีๆ ที่ควรรู้ !!

บทความ

13 สิงหาคม 2568

ปีแห่งการปรับตัวของมนุษย์ สำรวจเทรนด์ทำงานน่าจับตาประจำปี 2025

04 สิงหาคม 2568

ตลาดแรงงานไทยฟื้นตัว องค์กร 53% จ่อจ้างงานเพิ่ม แต่เทรนด์ ‘จ้างงานยืดหยุ่น’ มาแรง Part-time พุ่งเท่าตัว สะท้อนการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่

29 กรกฎาคม 2568

เขียนประสบการณ์ทำงาน (Work Experience) ลงในเรซูเม่ให้ได้เปรียบคนอื่น

10 มิถุนายน 2568

10 คำถามสัมภาษณ์งานยอดฮิตและวิธีตอบให้ประทับใจ

28 พฤษภาคม 2568

เจาะลึกบุคลิก ‘Ambivert’ คนที่ทั้งเก็บตัวและเปิดเผย ผู้นำที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลกธุรกิจยุคใหม่

21 พฤษภาคม 2568

คนเก่งยุคใหม่ ต้องมี ‘Human Skills’ เพราะ LinkedIn เผย ‘ไกล่เกลี่ย’ คือทักษะที่ตลาดต้องการในปี 2025

13 พฤษภาคม 2568

คนรุ่นใหม่ใช้ AI ช่วยสมัครงาน-เขียนเรซูเม่-ฝึกซ้อมสัมภาษณ์งาน

07 พฤษภาคม 2568

สำรวจ Future of Work ปี 2025 เมื่อ AI มาแรง – ต้องแย่งชิง Talent – ความยืดหยุ่นในการทำงานเพิ่มขึ้น

28 เมษายน 2568

8 ทักษะความเป็นผู้นำที่สำคัญในปี 2025

21 เมษายน 2568

9 คำถามสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ สัมภาษณ์ทีไรเจอแน่นอน ตอบยังไงไปดูกัน

17 เมษายน 2568

The Future of Jobs 2025 ชี้ทักษะแห่งอนาคต พร้อมแนะกลยุทธ์สร้างมนุษย์แห่งอนาคต (Future Human) สำหรับประเทศไทย

08 เมษายน 2568

กลยุทธ์คนทำงาน เงินพุ่ง งานรุ่ง ใครก็แทนไม่ได้

01 เมษายน 2568

ฉายทิศทางตลาดงานปี 2025 งานไหนมาแรง เตรียมตัวอย่างไรไม่ให้เป็นคนตกงาน

25 มีนาคม 2568

เขียนประสบการณ์ทำงาน (Work Experience) ลงในเรซูเม่ให้ได้เปรียบคนอื่น

17 มีนาคม 2568

7 แนวคิดของการทำงานยุคใหม่ให้มีประสิทธิภาพ

12 มีนาคม 2568

7 เทรนด์การทำงานน่าติดตามที่จะมาเปลี่ยนชีวิตการทำงาน ปี 2025

14 มกราคม 2568

10 อันดับอาชีพมาแรงพร้อมฐานเงินเดือนสูงในปี 2025

07 มกราคม 2568

เจาะลึก...งานประจำกับฟรีแลนซ์..ต่างกันตรงไหน..แบบไหนที่ใช่..มากที่สุด

16 ธันวาคม 2567

20 เทรนด์อาชีพมาแรงในอนาคต ปี 2025-2029

04 ธันวาคม 2567

14 คำแนะนำดีๆ สำหรับคนเริ่มต้นหางาน ให้ได้งานที่ใช่

26 พฤศจิกายน 2567

รู้จัก 4 รูปแบบหลักในการสัมภาษณ์งานของผู้สมัคร

15 พฤศจิกายน 2567

เขียนประสบการณ์ทำงาน (Work Experience) ลงในเรซูเม่ ให้ได้เปรียบคนอื่น

26 กันยายน 2567

14 เครื่องมือ AI ที่ชาวออฟฟิศต้องมี ช่วยให้ทำงานง่ายสบายกว่าเดิม

16 กันยายน 2567

รู้จักกับ RESUME, CV และ PORTFOLIO พร้อมเคล็ดลับการสร้างสรรค์ให้โดนใจ HR

10 กันยายน 2567

โลกในปี 2025 จะเป็นอย่างไร 10 เมกะเทรนด์เปลี่ยนโลกที่ต้องจับตา

04 กันยายน 2567

ทักษะ "Soft Skills" ที่จําเป็นต้องพัฒนาสู่ปี 2025 จากมุมมองของนักการตลาด

29 สิงหาคม 2567

"10 อันดับ" อาชีพอินเทรนด์ในปี 2567 มีแนวโน้มเติบโต..ไม่จม..ไม่หาย..แถมทำรายได้ดี !

07 พฤษภาคม 2567

ึึ7 เทรนด์ขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีที่องค์กรทั่วโลกต้องกลับมาทบทวนเพื่อประยุกต์ใช้ในปี 2567

22 กุมภาพันธ์ 2567

วิธีรับมือ 7 คำถาม “สัมภาษณ์งาน” ที่คนสมัครงานมักจะต้องเจอ

22 กุมภาพันธ์ 2567

อัปเดต 5 เทรนด์การทำงานประจำปี 2024

18 เมษายน 2566

ส่องเทรนด์อาชีพปี 66 พบ 14 อาชีพรุ่ง-5 อาชีพร่วง

18 เมษายน 2566

“แค๊บหมู” ทำกินเองได้ ทำขายรายได้ดี

กิจกรรม

04 เมษายน 2568

อมตะซิตี้ ระยอง ร่วมกิจกรรมจิตอาสา เราทำความดีด้วยหัวใจ อำเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง

31 มีนาคม 2568

อมตะจับมือซูมิโตโม รับเบอร์ ชวนพนักงานร่วมเป็นฮีโร่ กับโครงการ “100 ล้านซีซี โลหิตชาวอมตะเพื่อสภากาชาดไทย”

25 มีนาคม 2568

อมตะซิตี้ ชลบุรี ร่วมกับสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี จัดกิจกรรม Eco Green Network ประจำปี 2568
ติดต่อเรา
บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน)
  • 700 บางนา-ตราด กม. 57 อ.เมือง จ.ชลบุรี 20000
  • 03 893 9007
บริษัท อมตะซิตี้ ระยอง จำกัด
  • 7 ทางหลวงหมายเลข 331 กม. 39 อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี 20230
  • 03 849 7007
ข้อมูลติดต่อ
  • amatajobsonline@amata.com
ช่องทางการติดตาม