ข่าวสารและบทความ

ข่าวล่าสุด

15 พฤศจิกายน 2567

เขียนประสบการณ์ทำงาน (Work Experience) ลงในเรซูเม่ ให้ได้เปรียบคนอื่น

ประสบการณ์ทำงาน (Work Experience) ถือเป็นสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญมากในเรซูเม่ ในการสมัครงานในระดับซีเนียร์ขึ้นไป เพราะเป็นสิ่งที่บอกว่าคุณมีความสามารถในการจัดการงานและปัญหาต่างๆในสายงานนั้นอย่างไร ซึ่งการเขียนประสบการณ์ทำงานที่ดีนั้นสามารถทำให้คุณมีโอกาสได้งานที่ตรงกับคุณได้สูงขึ้น และในบางครั้งประสบการณ์ทำงานที่ดีจะทำให้คุณได้เงินเดือนที่สูงขึ้นอีกด้วย1. เลือกเฉพาะประสบการณ์ที่มีค่าที่สุด ในสายงานนั้นๆในขั้นตอนแรกสุดเลยก็คือ เมื่อคุณคิดว่าคุณมีประสบการณ์ทำงานมากพอที่จะเขียนลงไปในเรซูเม่ของตัวเองแล้วล่ะก็ ก่อนอื่นคุณต้องมั่นใจว่าสิ่งที่คุณจะเขียนลงไปมันมีค่าในสายตาของผู้อ่านเรซูเม่ ซึ่งก็คือพนักงานสรรหาบุคลากร และผู้ที่จะสัมภาษณ์งานคุณ ซึ่งส่วนมากแล้วก็จะเป็น Supervisor หรือผู้จัดการ หรือหัวหน้าในสายงานของคุณนั่นเอง อย่าเขียนประสบการณ์ดาดๆที่ใครก็ได้สามารถทำมันได้ แต่ให้เลือกเขียนเฉพาะประสบการณ์ที่มีค่ามากๆก็พอ2. เน้นประสบการณ์ที่ได้รับการยกย่อง หรือรางวัล (Achievement)ถ้าหากคุณได้รับรางวัลอะไรในสายงาน ไม่ว่าจะเป็นผลงานส่วนตัวหรือผลงานของทีม ไม่ว่ารางวัลนั้นจะใหญ่หรือเล็กแค่ไหน นี่แหล่ะคือสิ่งที่มีค่ามากๆที่ควรจะเขียนลงไปในเรซูเม่ แต่ถ้าคุณมีรางวัลมากล่ะก็ เลือกเขียนอันที่ใหญ่ที่สุดก่อน แล้วเรียงลำดับลงมาตามความสำคัญนะครับ3. ประสบการณ์ที่เกี่ยวกับเคส หรือลูกค้าที่โด่งดังในสายงานของคุณในทุกๆสายงานย่อมจะรู้จักกันเองข้ามบริษัท ไม่มากก็น้อย ดั่งคำพูดที่ว่า "วงการมันแคบกว่าที่คิด" ซึ่งสิ่งนี้ใช้ได้กับทุกวงการเลยล่ะ ถ้าคุณมีประสบการณ์เคยทำงานในเคสที่ใหญ่ หรือทำงานร่วมกับลูกค้าที่ใครๆก็บอกว่าเป็นตัวแม่ของวงการแล้ว หรือมีแต่รายชื่อลูกค้าดังๆแล้วล่ะก็ คุณเองก็จะเนื้อหอมเอามากๆเลย ใครๆก็สนใจอยากจะสัมภาษณ์คุณ4. ประสบการณ์ที่ผ่านมาไม่มีอะไรเด่น? ลองเขียนสิ่งที่ทำผ่านมาตรฐานดูสิครับในบางสายงาน อย่างเช่น งานวิศวกร ที่คุณไม่มีโอกาสได้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ แต่คุณเป็นฟันเฟืองของบริษัทที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนองค์กรอยู่เบื้องหลังแล้วล่ะก็ คุณสามารถเขียนสิ่งที่คุณทำแล้วผ่านมาตรฐานต่างๆดูสิครับ สิ่งนี้เองก็มีความสำคัญไม่น้อยหน้าสายงานอื่นๆเลยครับ มาตรฐานนี้สามารถเป็นได้ตั้งแต่มาตรฐานระดับโลกอย่าง ISO ลงมาจนถึงมาตรฐานของโรงงานที่ตัวเองทำอยู่ได้เลย ขอเพียงเขียนชื่อมาตรฐานให้ถูก อย่าสะกดผิด หรืออย่าเขียนลอยๆว่า "มาตรฐาน" เฉยๆโดยที่ไม่ได้ใส่ชื่อให้มันก็พอ5. เขียนประสบการณ์ทำงานเรียงเป็นลำดับ เอาล่าสุดขึ้นก่อนประสบการณ์ทำงานในเรซูเม่เป็นแบบ เรียงตามเวลา โดยเอาอันล่าสุดขึ้นก่อน ส่วนของเก่าก็อยู่ล่างๆ เรียงกับอย่างเป็นระบบระเบียบ ซึ่งสิ่งนี้มีประโยชน์แฝงอยู่หลายข้อด้วยกัน นอกจากเพื่อที่จะให้อ่านง่ายแล้ว ผู้ที่อ่านเรซูเม่ของคุณยังมองว่าคุณมีความสามารถในการจัดระเบียบได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย6. เน้นคีย์เวิร์ด (คำค้น) ให้ชัดเจนเมื่อคุณเขียนเรซูเม่ของตัวเองและนำไปใช้ต่อ จะส่งให้ HR โดยตรง หรืออัพโหลดขึ้นเว็บไซท์สมัครงานต่างๆ คุณจะต้องคำนึงด้วยว่าพนักงานฝ่ายสรรหาบุคลากร จะค้นหาเจอเรซูเม่ของคุณได้อย่างไร ในกองเรซูเม่ขนาดใหญ่ที่พวกเขาได้รับในแต่ละวัน ซึ่งในยุคนี้ไม่มีใครเขาหยิบเรซูเม่มากองละหมื่นใบ แล้วมาอ่านกัน บริษัทส่วนใหญ่มีระบบดิจิทัลกันแล้ว ซึ่งสามารถค้นหาคำต่างๆที่ต้องการได้เพียงเสี้ยววินาที ดังนั้นสิ่งที่คุณจะต้องทำก็คือทำให้เรซูเม่ของตัวเอง สามารถค้นหาได้ ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดก็คือแปลงเป็น PDF เท่านั้น ถ้าหากคุณส่งเป็นกระดาษ หรือทำเป็นรูปไปล่ะก็มันจะค้นหาด้วยคีย์เวิร์คไม่ได้ คุณก็จะเสียเปรียบตรงนี้ไปอย่างมหาศาลเลยล่ะถ้าต้องกรอกข้อมูลใหม่ ก็กรอกให้ครบ อย่าให้ขาด คนส่วนมากมักจะคิดว่าก็ส่งเรซูเม่ให้แล้ว ทำไมไม่อ่าน ทำไมยังต้องกรอกอีก ที่กรอกทั้งหมดนี้สามารถใช้ค้นหาได้อย่างรวดเร็วเลยล่ะครับ ถ้าคุณปล่อยว่างๆแล้วล่ะก็ เสียดายนะครับสะกดให้ถูก ใช้คำให้ถูก บางคำมีชื่อภาษาอังกฤษ ก็ใส่ไปเลยทั้งอังกฤษ ทั้งไทย เพื่อเพิ่มโอกาสที่จะถูกค้นหาเจอเช่นถ้าคุณเป็นนักบัญชี และคุณเคยทำงานด้านตรวจบัญชีมาก่อน ก็ให้ว่า Audit หรือ Auditor ในภาษาอังกฤษ แล้วถ้าใส่คำภาษาไทยว่า "นักตรวจสอบบัญชี" ด้วยแล้ว ก็จะเพิ่มโอกาสในการถูกค้นหามากขึ้นไปอีกครับ7. เด็กจบใหม่ ไม่มีประสบการณ์ ลองเขียนเรื่องการฝึกงานดูสิถ้าคุณเป็นเด็กจบใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์ทำงานแล้วล่ะก็ ให้เขียนประสบการณ์ที่ได้รับตอนฝึกงานลงไปแทน หรือถ้าตอนเรียนคุณได้ทำงาน เฉพาะที่เกี่ยวข้องสายงานนะครับ ก็สามารถเขียนลงไปได้ เช่นถ้าคุณเรียนจบด้านสถาปนิกมา และต้องการสมัครงานสถาปนิก โดยที่ตอนเรียนอยู่เคยทำงานพาร์ทไทม์กับบริษัทออกแบบโครงสร้างอาคารแล้วล่ะก็ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องเล็กน้อยอย่างเป็นพนักงานเดินเอกสาร ก็ใส่มันลงไปเถอะครับที่สำคัญก็คือ อย่าใส่สิ่งที่ไม่จำเป็นกับตำแหน่งงานที่คุณสมัคร เพื่อแค่ให้เรซูเม่ดูเต็มๆ หรือมีอะไรเด็ดขาดนะ เพราะจะทำให้พนักงานฝ่ายสรรหาบุคลากรมองว่า คุณยังไม่ได้สนใจในสายงานนั้นๆขนาดนั้น แล้วก็เลือกที่จะให้โอกาสกับเด็กจบใหม่อีกคนที่เขียนประสบการณ์ตรงกับตำแหน่งงานมากกว่า8. ข้อมูลที่ดี มีการจัดระเบียบที่ดี มีค่ามากกว่าเรซูเม่สวยๆหลายๆคนก็คงจะเคย โหลดธีมเรซูเม่สวยๆ มาใช้บ้าง ใช่ไหมครับ เป็นเรื่องจริงที่ของสวยๆงามๆใครก็ชอบ แต่สวยแล้ว จะต้องมีข้อมูลที่ดี และการจัดระเบียบข้อมูลให้อ่านง่ายสบายตา ถือว่าเป็นเรซูเม่ที่ดีกว่าสวยอย่างเดียวมากหลายสิบเท่าตัวเลยครับ ดังนั้นจัดระเบียบข้อมูลให้ดีๆนะครับที่มา : https://bestjob.in.th

อ่านเพิ่มเติม

26 กันยายน 2567

14 เครื่องมือ AI ที่ชาวออฟฟิศต้องมี ช่วยให้ทำงานง่ายสบายกว่าเดิม

ปัจจุบันเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI มีการพัฒนาที่ก้าวกระโดด ทำให้หลายธุรกิจนำAI เข้ามาปรับใช้ ช่วยให้ชีวิตประจำวันและชีวิตการทำงานของเราสะดวกรวมเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น จากผลสถิติของSnapLogic ปี2021 พนักงานกว่า61% บอกว่าAI สามารถช่วยเพิ่มProductivity ให้กับการทำงานได้AIช่วยเขียนNotion – NotionAIสรุปเนื้อหาที่เขียนเอาไว้ตรวจการสะกดคำพร้อมไวยากรณ์ร่างการเขียนหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเขียนอีเมล บล็อก บทกลอน หรือแม้แต่แคปชั่นอินสตาแกรมก็ได้Memแอปจดโน๊ตที่สามารถจัดระเบียบตัวเองได้ด้วยการใช้ AI และNatural Language Processing (NLP) สามารถเชื่อมต่อกับแอปอื่นๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นSlacks, Gmail, Google Calendar และอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานให้ลื่นไหล มีฟังก์ชันในการจัดระเบียบไอเดียและการเขียนได้คล้ายNotion ฟังก์ชันเด่นๆ ได้แก่Similar Mems, Smart Search, Smart Write และSmart EditCraftlyAI ที่จะมาช่วยงานเขียนระดับองค์กรหรือภาคธุรกิจ มีเครื่องมือหลากหลายในการสร้างเนื้อหารูปแบบต่างๆ สามารถใช้งานร่วมกันแบบเป็นทีมได้ มีวิธีการใช้งานง่ายมาก เพียงแค่เลือกรูปแบบที่ต้องการ เช่น ร่างอีเมล เขียนบทความ จากนั้นเลือกรายละเอียดที่เราต้องการ เช่น กลุ่มผู้อ่าน เสร็จแล้วCraftly ก็จะสร้างเนื้อหาให้เราแบบอัตโนมัติและเข้ากับธีมเนื้อหาที่เราต้องการJasperเป็นผู้ช่วยในเรื่องของการสร้างเนื้อหาการเขียนต่างๆ เช่น เขียนโฆษณา อีเมล บทความ และอื่นๆ โดยสามารถใช้เป็นextension ของบราวเซอร์ได้ ทำให้เราสามารถใช้Jasper ได้บนทุกแพลตฟอร์มไม่ว่าจะเป็น โซเชียลมีเดีย อีเมลหรือเว็บไซต์ ล่าสุดมีฟังก์ชันเพิ่มเติมสำหรับการใช้งานภาคธุรกิจ (Jasper for Business) โดยใช้Generative AI ในการช่วยสร้างแบรนด์และสามารถทำงานร่วมกันกับคนในทีมได้AIช่วยจดโน้ต สรุปประชุมMeetGeekเป็นผู้ช่วยในเรื่องของการประชุมในแอปพลิเคชันชื่อดังต่างๆ อย่างZoom Google Meets และMicrosoft Teams เพื่อช่วยจดโน๊ตพร้อมทั้งสรุปการประชุม สามารถใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชันอื่นๆ ได้ เช่นSlacks, Google Drive และTrello พร้อมรองรับหลากหลายภาษาในการทำงาน ได้รับการไว้วางใจทีมผู้ใช้งานกว่าหมื่นทีม ฟีเจอร์การใช้งานหลักๆ มีดังนี้อัดวิดีโอการประชุมให้แบบอัตโนมัติถอดคำพูดได้แบบเรียลไทม์ช่วยสรุปเพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นสรุปใจความสำคัญในการประชุมสามารถตั้งค่าให้เข้าร่วมการประชุมอัตโนมัติได้Otter.aiเป็นตัวช่วยถอดเสียงการประชุม การบรรยาย หรือบทสัมภาษณ์ได้แบบเรียลไทม์ หรือจะนำเข้าไฟล์เสียง ไฟล์วิดิโอ แล้วให้โปรแกรมช่วยถอดออกมาเป็นสคริปต์ก็ได้ และช่วยระบุด้วยว่า นาทีไหน ตอนไหน ใครเป็นคนพูด นายA หรือB นอกจากนั้นยังมีฟีเจอร์Custom Vocabulary ก็คือการตั้งค่าภาษา หรือ คำศัพท์เฉพาะที่เราใช้กันในอุตสาหกรรม ป้องกันOtter จะถอดเสียงผิดพลาด หลังจากถอดเสียงได้แล้ว ตัวOtter ยังช่วยสรุปประเด็นการประชุมได้ด้วยAIช่วยสร้างรูปภาพจากข้อความที่เราป้อน (text-to-image)DALL-Eเป็นAI ที่สามารถสร้างรูปภาพได้จากคำสั่งที่เราป้อนเข้าไป สร้างโดยOpenAI เจ้าของเดียวกับChatGPT สามารถปรับแต่งรูปแบบของรูปภาพได้ตามที่เราต้องการแถมยังอัปโหลดรูปเพื่อให้ AI ช่วยปรับเพิ่มเติมได้Stable DiffusionAI สร้างรูปภาพจากบริษัทสตาร์ทอัพStability AI ที่มีประสิทธิภาพไม่แพ้DALL-E ของOpenAI เป็นโปรเจคแบบopen-source สามารถใช้งานได้ฟรีแบบไม่ต้องลอคอินหรือสมัครสมาชิกใดๆ และมีprompt database เป็นฐานข้อมูลให้เราได้ศึกษาการใช้งาน prompt ด้วยAIช่วยสร้างเสียงและวิดีโอ (Media Creator)Murfเปลี่ยนตัวอักษรให้เป็นเสียงคนโดยการใช้ AI เพื่อพากย์เสียงให้เรา มีตัวเลือกในการปรับแต่งเสียงที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการพากย์เสียงสำหรับ ธุรกิจ เกม การนำเสนอ พอตแคสต์ และอื่นๆ รวมถึงเพศและอายุของเสียงที่เราต้องการด้วย โดยเป็นเสียงที่สังเคราะห์ขึ้นมาจากเสียงจริงๆSupercreatorแอปพลิเคชั่นที่ใช้AI มาช่วยเราสร้างคอนเทนต์ในรูปแบบวิดีโอสั้นๆ อย่าง Reels หรือTikTok โดยให้AI เขียนสคริปต์ในเรื่องนี่เราสนใจ พร้อมสร้างวิดีโอพื้นหลัง แคปชั่น ซับไตเติล แฮชแทก และตัดต่อให้เราอัตโนมัติSupercreator เคลมว่าสามารถช่วยให้เราสร้างคอนเทน์ได้เร็วขึ้น 10 เท่าเลยทีเดียว แต่ตอนนี้การใช้งานจำเป็นต้องสมัครเพื่อรอEarly Access ก่อนAI Searchค้นหาอะไรก็เจอ ถามอะไรก็ตอบได้ Microsoft Edge + BingNew Microsoft Edge experience ได้อัปเดตเบราว์เซอร์Edge ด้วยความสามารถ AI ใหม่และรูปลักษณ์ใหม่ และได้เพิ่มฟังก์ชันใหม่สองฟังก์ชัน: แชทและเขียน ด้วยEdge Sidebar ยกตัวอย่างเช่น สามารถขอสรุปรายงานทางการเงินแบบยาวเพื่อรับข้อมูลสำคัญ จากนั้นใช้ฟังก์ชันแชทเพื่อขอข้อมูลเปรียบเทียบกับข้อมูลทางการเงินของบริษัทคู่แข่งและบันทึกข้อมูลในเอกสารโดยอัตโนมัติ ทั้งยังสามารถขอให้Edge ช่วยเขียนเนื้อหา เช่น โพสต์บนLinkedIn หลังจากนั้น สามารถขอให้ช่วยอัปเดตโทน รูปแบบ และความยาวของโพสต์ได้ ซึ่งEdge สามารถเข้าใจหน้าเว็บที่เปิดอยู่และปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ได้Brave + Brave SearchBrave ประกาศเปิดตัวเทคโนโลยีAI บนBrowser และSearch Engine ของตัวเอง “Brave Summarizer” โดยทำหน้าที่สรุปใจความสำคัญของสิ่งที่เราค้นหาผ่านการใช้ Large Language Model (LLMs) ที่ทางBrave เทรนขึ้นมาเอง ทำให้สามารถประมวลผลคำตอบออกมาได้อย่างแม่นยำและถูกต้องมากขึ้น รวมไปถึงภาษาที่ออกมาจะมีความอ่านรู้เรื่องมากขึ้นด้วย พร้อมแนบลิ้งค์แหล่งที่มาของข้อมูลคล้ายกับEdge หรือBing เพิ่มความน่าเชื่อถือและตรวจสอบได้ของข้อมูลBrave Summarizer ถูกพัฒนาและออกแบบโดยทีม Brave Search และจุดเด่นที่มีไม่เหมือนMicrosoft Edge คือการที่Brave ไม่ได้ใช้ChatGPT หรือเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องใดๆ แต่ใช้LLMs ถึง3 ตัวในการเทรนข้อมูลที่แตกต่างกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นAIช่วยแปลภาษา (Translator)DeepLเป็นสตาร์ทอัปที่เปิดตัวในปี2017ถือเป็นคู่แข่งสำคัญของGoogle Translateเนื่องจากมีหลายเสียงจากผู้ใช้งานกล่าวว่ามีประสิทธิภาพที่ดีกว่าในเรื่องของการแปลภาษา ที่ผ่านการเทรนข้อมูลแปลภาษานับล้าน ที่ใช้AIต่างจากคู่แข่งโดยใช้Convolutional Neural Networks (CNNs)ที่ทำให้การแปลมีความแม่นยำและตรงมากกว่า ข้อจำกัดที่มีคือยังไม่รองรับภาษาได้เยอะเท่ากับGoogle TranslatememoQ translator proเป็นโปรแกรมช่วยแปลซึ่งทำงานบนระบบปฏิบัติการ Microsoft Windows ที่พิเศษคือมันได้รับการออกแบบโดยนักแปล เพื่อนักแปลโดยเฉพาะ รองรับมากกว่า100 ภาษา รวมถึงภาษาไทย (แต่ยังไม่สามารถใช้ภาษาไทยเป็นภาษาต้นทางได้) และมีเครื่องมือมากมายที่ช่วยทำงานแปลขั้นสูง ตัวอย่างเช่นใช้คำแปลก่อนหน้าซ้ำ ไม่ต้องแปลคำเดิมซ้ำสอง ช่วยลดเวลาการทำงานสร้างอภิธานศัพท์ (ศัพท์เฉพาะศาสตร์)พร้อมบันทึกคำแปลเพิ่มเอกสารอ้างอิงแม่นยำด้วยการรักษาการแปลตามบริบท แนะนำทิศทางภาษาที่ถูกต้องที่มา: 14 เครื่องมือ AI ที่ชาวออฟฟิศต้องมี ช่วยให้ทำงานง่ายสบายกว่าเดิม | Techsauce

อ่านเพิ่มเติม

16 กันยายน 2567

รู้จักกับ RESUME, CV และ PORTFOLIO พร้อมเคล็ดลับการสร้างสรรค์ให้โดนใจ HR

การสมัครงานเป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยเอกสารหลากหลายรูปแบบ เพื่อใช้ในการแนะนำตัวผู้สมัครต่อฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) สำหรับพิจารณาคัดเลือก เอกสารหลักที่นิยมใช้กันมาก ได้แก่Resume, CV (Curriculum Vitae) และPortfolio ซึ่งเอกสารแต่ละประเภทมีความแตกต่างกันในด้านการนำเสนอและจุดประสงค์ในการใช้งาน บทความนี้จะอธิบายความแตกต่างของเอกสารเหล่านี้ พร้อมทั้งนำเสนอเทคนิคในการสร้างสรรค์เอกสารให้มีความโดดเด่นและน่าสนใจ เพื่อให้เป็นที่ดึงดูดของฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR)Resume คืออะไร?Resume เป็นเอกสารแนะนำตัวที่มีเนื้อหาย่อและกระชับ ซึ่งประกอบด้วยข้อมูลสำคัญ อาทิ ประวัติส่วนตัว ประวัติการศึกษา ประสบการณ์การทำงาน และทักษะที่เกี่ยวข้อง จุดเด่นของResume คือการนำเสนอข้อมูลที่สอดคล้องกับตำแหน่งงานที่สมัครโดยตรง ทำให้สามารถปรับแต่งเนื้อหาให้เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละงานได้อย่างยืดหยุ่นจุดมุ่งหมาย: การโปรโมตตัวผู้สมัครให้บริษัทรับทราบถึงเหตุผลที่คุณเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับตำแหน่งงานนั้น ๆ ถือเป็นสิ่งสำคัญResume ที่ดีควรมีความยาวไม่เกิน 1-2 หน้ากระดาษ เพื่อคงความกระชับของเนื้อหา และให้ข้อมูลที่จำเป็นอย่างครบถ้วน โดยไม่เยิ่นเย้อรูปแบบ: มีความยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยน เพิ่มเติม หรือแก้ไขข้อมูลต่าง ๆ ได้ตลอดเวลา เพื่อให้รายละเอียดสอดคล้องกับตำแหน่งที่ต้องการสมัครงานอย่างเหมาะสมเคล็ดลับ:เน้นใส่ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานที่สมัครออกแบบให้สวยงามและทันสมัยเพื่อให้โดดเด่นใช้ภาษาที่กระชับและตรงประเด็นตรวจทานการสะกดคำและไวยากรณ์ให้ถูกต้องCV คืออะไร?CV (Curriculum Vitae) เป็นเอกสารที่ให้ข้อมูลอย่างละเอียดและเชิงลึกเกี่ยวกับประวัติการศึกษา ประวัติการทำงาน ประสบการณ์ ทักษะ และคุณสมบัติต่าง ๆ รวมถึงกิจกรรมและการอบรมที่เคยเข้าร่วม โดยทั่วไปCV นิยมใช้ในภูมิภาคยุโรป เอเชีย และตะวันออกกลาง ซึ่งมักมีความยาวตั้งแต่2 หน้ากระดาษขึ้นไปจุดมุ่งหมาย: ช่วยให้ฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) ของบริษัทต่าง ๆ ได้รับข้อมูลภาพรวมทั้งหมดของผู้สมัครอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นประวัติส่วนตัว ประวัติการศึกษา และประวัติการทำงานรูปแบบ: ค่อนข้างแน่นอนและตายตัว แบ่งเป็นหมวดหมู่อย่างชัดเจน โดยทั่วไปจะมีส่วนประกอบดังนี้ข้อมูลส่วนตัว (ชื่อ-นามสกุล, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์, อีเมล)ประวัติการศึกษา (ตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาถึงระดับสูงสุด)ประสบการณ์การทำงาน (รายละเอียดตำแหน่งงาน ชื่อบริษัท ระยะเวลาที่ทำงาน)ทักษะและคุณสมบัติ (ทักษะทางภาษา, คอมพิวเตอร์, และทักษะอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง)กิจกรรมและการอบรม (การเข้าร่วมกิจกรรม, การอบรม, คอร์สพิเศษ)เคล็ดลับ:ใส่รายละเอียดที่เกี่ยวข้องและสำคัญให้ครบถ้วนใช้ภาษาที่เป็นทางการและถูกต้องตามหลักไวยากรณ์จัดเรียงข้อมูลให้เป็นระเบียบและอ่านง่ายPortfolio คืออะไร?Portfolio คือแฟ้มผลงานที่รวบรวมผลงานตลอดช่วงชีวิตการทำงานหรือการศึกษา โดยใช้แสดงหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานที่สมัคร การจัดทำPortfolio ในรูปแบบไฟล์ดิจิทัล เช่นPDF หรือJPG ช่วยเพิ่มความสะดวกในการส่งผ่านทางอีเมลหรือการนำเสนอในรูปแบบออนไลน์จุดมุ่งหมาย: แสดงหลักฐานการทำงานและผลงานที่สอดคล้องกับลักษณะงานที่สมัคร ช่วยให้ฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) สามารถมองเห็นภาพรวมของความสามารถและผลงานของผู้สมัครได้อย่างชัดเจนรูปแบบ: การรวบรวมผลงานที่ผ่านมาของคุณสามารถทำได้อย่างไม่จำกัดจำนวนหน้า ยิ่งมีผลงานที่รวบรวมไว้อย่างครอบคลุม ยิ่งเป็นประโยชน์ในการแสดงความสามารถ รูปแบบของPortfolio สามารถจัดทำเป็นเอกสารที่พิมพ์ออกมา หรือในรูปแบบไฟล์ดิจิทัล เช่นPDF หรือJPG เพื่อความสะดวกในการนำเสนอเคล็ดลับ:คัดเลือกผลงานที่โดดเด่นและแสดงถึงทักษะของคุณโดยตรงออกแบบPortfolio ให้ดูสวยงามและน่าสนใจจัดทำเป็นไฟล์ดิจิทัลที่สามารถเปิดได้ง่ายและสะดวกเทคนิคการสร้างResume, CV และPortfolio ให้โดนใจHRคัดเลือกผลงานชิ้นเด่นสำหรับ Portfolio: เลือกผลงานที่มีความโดดเด่นและแสดงถึงทักษะความสามารถของคุณอย่างชัดเจนออกแบบดีไซน์ให้ทันสมัยและสวยงาม: การจัดทำเอกสารให้มีรูปแบบที่สวยงามและอ่านง่ายเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้รับจัดทำไฟล์ที่เข้าถึงได้ง่าย: ควรใช้ไฟล์ที่สะดวกในการเปิดและเข้าถึง โดยไม่ควรมีขนาดใหญ่หรือเล็กเกินไปใช้ภาษาที่ถูกต้องและตรวจสอบคำผิด: ใช้ภาษาที่เป็นทางการ ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ และตรวจสอบความถูกต้องของการสะกดคำเพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดสรุปความแตกต่างของResume, CV และPortfolioResume: เอกสารที่เน้นความกระชับ เหมาะสำหรับการสมัครงานทั่วไป มักใช้ในประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดาCV: เอกสารที่เน้นข้อมูลเชิงลึกและรายละเอียด เหมาะสำหรับการสมัครงานที่ต้องการข้อมูลในเชิงลึก มักใช้ในยุโรป เอเชีย และตะวันออกกลางPortfolio: เอกสารที่แสดงผลงานที่ผ่านมาของคุณอย่างละเอียด เหมาะสำหรับการสมัครงานที่ต้องการแสดงผลงานและความสามารถเฉพาะทางที่มา: www.phuket108.com

อ่านเพิ่มเติม

ข่าว

25 เมษายน 2566

ประกาศแจ้งเตือนจากบริษัทในกลุ่มอมตะ

18 เมษายน 2566

สมัครงานยังไง ?...ให้ได้งาน พบกับ 10 เทคนิคดีๆ ที่ควรรู้ !!

บทความ

10 กันยายน 2567

โลกในปี 2025 จะเป็นอย่างไร 10 เมกะเทรนด์เปลี่ยนโลกที่ต้องจับตา

04 กันยายน 2567

ทักษะ "Soft Skills" ที่จําเป็นต้องพัฒนาสู่ปี 2025 จากมุมมองของนักการตลาด

29 สิงหาคม 2567

"10 อันดับ" อาชีพอินเทรนด์ในปี 2567 มีแนวโน้มเติบโต..ไม่จม..ไม่หาย..แถมทำรายได้ดี !

07 พฤษภาคม 2567

ึึ7 เทรนด์ขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีที่องค์กรทั่วโลกต้องกลับมาทบทวนเพื่อประยุกต์ใช้ในปี 2567

22 กุมภาพันธ์ 2567

วิธีรับมือ 7 คำถาม “สัมภาษณ์งาน” ที่คนสมัครงานมักจะต้องเจอ

22 กุมภาพันธ์ 2567

อัปเดต 5 เทรนด์การทำงานประจำปี 2024

18 เมษายน 2566

ส่องเทรนด์อาชีพปี 66 พบ 14 อาชีพรุ่ง-5 อาชีพร่วง

18 เมษายน 2566

“แค๊บหมู” ทำกินเองได้ ทำขายรายได้ดี

กิจกรรม

15 พฤศจิกายน 2567

อมตะซิตี้ ระยอง จับมือพันธมิตร ร่วมกันพัฒนาโรงเรียน

03 กันยายน 2567

อมตะจัดคาราวานอมตะสร้างรอยยิ้ม สร้างพื้นที่ความสุขแก่ชุมชน

23 สิงหาคม 2567

อมตะอนุรักษ์ต้นน้ำ จัดปลูกป่าชุมชนเขาไม้แก้ว
ติดต่อเรา
บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน)
  • 700 บางนา-ตราด กม. 57 อ.เมือง จ.ชลบุรี 20000
  • 03 893 9007
บริษัท อมตะซิตี้ ระยอง จำกัด
  • 7 ทางหลวงหมายเลข 331 กม. 39 อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี 20230
  • 03 849 7007
ข้อมูลติดต่อ
  • amatajobsonline@amata.com
ช่องทางการติดตาม